รถรางแห่งแรกในเกาหลี,Mungyeong Gurangri 'Rail Bike'
รถรางในMungyeong นั้นเคยใช้เป็นรางสำหรับขนย้ายถ่านหินเมื่อ 20ปีก่อน ตอนนี้ทำใหม่เป็นรถรางในวันนี้.รถรางMungyeongนั้นถูกทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการท่องเที่ยวเส้นทางปิดตั้งแต่ปี2005,ซึ่งเป็นที่แรกในเกาหลี.ตอนนี้,มีรถรางอยู่ในส่วนอื่นด้วยรวมถึงJeongseonหรือ Samcheok นั้นมีชื่อเสียงมากกว่าแต่พวกนั้นก็ได้แรงบันดาลใจมาจากที่นี่.ส่วนตัวแล้ว,ผมคิดว่ารถรางนั้นสวยกว่ารถราง.
มีสถานีอยู่ 5สถานีในMungyeong และ วันนี้ผมจะไปที่สถานี Gurangri.ทางนี้มีความยาว2.2km (ไป กลับ 4.4km) จากสถานีGurangri ไปยังMeokbaengee และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็สะอาดเนื่องจากมันพึ่งสร้างไม่เหมือนสถานีอื่นๆ.ระยะทางสำหรับเที่ยวเดียวดูเหมือนจะสั้นเมื่อเทียบกับอันในเมืองอื่นแต่ราคาของ4คนนั้นยังไม่ถึงครึ่งของที่นี่, 15,000วอน(ในJeongseon, มันราคา35,000 วอน สำหรับ 4คนและ25,000 วอน สำหรับ2).
มีสถานีที่เปิดอยู่ 5สถานีในตอนนี้ และสถานีที่เก่าที่สุด,สถานีJinnam,กำลังซ่อมบำรุงและปิดให้บริการชั่วคราวอย่าลืมนะ.
สถานี Jinnam : Jinnam - Gurang-ri 3.4km ( ไป-กลับ 6.8km) – ปิดชั่วคราว
สถานี Buljeong: Buljeong - Jupyeong 1.8km (ไป-กลับ3.6km)
สถานี GurangriGurang-ri - Meokbaengee 2.2km (ไป-กลับ 4.4km)
สถานี Mungyeong : Mungyeong - Mawon 2km (ไป-กลับ 4km)
สถานี Gaeun : Gaeun - Meokbaengee 3.2km ( ไป-กลับ 6.4km)
พวกเรากำลังจะไปที่สถานี Gaeun ที่ดูเหมือนสถานีชั่วคราวแต่สถานีนั้นปิดในช่วงวันหยุด,ซึ่งมันคือวันอังคาร.ดังนั้นพวกเราจึงไม่มีทางเลือกแต่ต้องไปที่สถานีGurangri.
สถานี Gurangri นั้นพึ่งสร้างใหม่จึงสะอาดและเรียบร้อย.มันมีที่จอดรถที่กว้างด้วย.
ไม่มีรถสำหรับ 2คน.มีรถแบบเดียวคือสำหรับ4คนแต่พวกเราก็ไม่มีปัญหา.
ผมสงสัยว่ามันจะเป็นยังไงที่ขี่รถรางในMungyeong.โอเค,ไปล่ะนะ~
นี่พึ่งจะเปิดจึงมีอีกแค่2ครอบครัว นอกขากพวกเรา.พวกเราสามารถขี่ได้อย่างสบายๆเนื่องจากไม่มีใครไล่หลังพวกเรา!มันดีจริงๆ.
วิ่งอยู่ในสายลม~ผมขี่รถรางในหลายๆที่ในเกาหลีและก็สนุกทุกครั้ง! :)
ในJeongseon หรือ Samcheok,ทางนั้นไกลและมีอุโมงค์หลายแห่งกับทางขึ้นเขาและลงเขาซึ่งมันหนัก,ในอีกทางหนึ่ง,ที่Mungyeong'นั้นสั้นกว่าแต่ว่าบรรยากาศรอบๆดูมีเสน่ห์มากกว่า.
สำหรับส่วนของGurangri,มีแต่เส้นทางด้านนอกไม่มีอุโมงค์.ผมได้ยินมาว่าส่วนอื่นๆนั้นมีอุโมงค์แต่ผมยังไม่เคยลองเลยไม่รู้ว่าเป็นยังไง.ส่วนตัวแล้ว,ผมชอบแบบข้างนอกมากกว่าส่วนอุโมงค์.
จักรยานใน Mungyeong นั้นแตกต่างจากที่อื่นนิดหน่อย.ในJeongseon,ตัวอย่างเช่น,คุณต้องถีบเองและในSamcheok, พวกเขามีมอเตอร์ที่ทำให้จักรยานขึ้นเขาได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าไปตามรางเหมือนรถไฟใต้ตินในMungyeong, จะมีแบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะที่นั่ง.หรืออีกอย่างหนึ่ง,มันอยู่ตรงขาของคุณทางด้านซ้ายของที่นั่ง.ซึ่งถ้าคุณเป็นผู้ชาย,ให้ผู้หยิงนั่งทางด้านซ้ายและคุณนั่งทางด้านขวาซึ่งคุณจะสามารถขยับจักรยานได้โดยไม่ต้องใช้แรงมาก.นี่มันเยี่ยมมาก.
พวกเรารู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายตลอดทางสนุกวนานกับเหล่าดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่พวกเราเห็นระหว่างทาง.
พวกเราข้ามสะพานที่ค่อนข้างน่ากลัวทำจากเหล็กเล็กๆที่ซึ่งพวกเราสามารถเห็นก้นแม่น้ำ,
และผ่านสวนแอ๊ปเปิ้ลที่เต็มไปด้วยดอกแอ๊ปเปิ้ล.
เมื่อเราถึงประมาณ 2.2km จากจุดเริ่มต้น,ผมสามารถเห็นจุดสิ้นสุดจากตรงนี้.เมื่อคุณถึงที่หมาย,คุณจะต้องกลับจักรยานและกลับมาทางเดิม.เฮ้,พวกเราเกือบถึงแล้ว! ถีบให้สุดๆไปเลย!
เหมือนกับที่ลานจอดรถ,คุณต้องไปที่โต๊ะกลมๆใหญ่ๆและพวกเขาก็จะหมุนโต๊ะและเอาเราไปใส่ไว้อีกทางนึง.มันดูน่าสนุกจัง.
ที่อื่น,คุณจะต้องเดินไปที่จุดสิ้นสุดและนั่งรถหรือรถไฟตอนขากลับแต่ที่นี่คุณจะต้องใช้ขาของคุณในการกลับมา.มันเป็นเส้นทางเดิมแต่วิวนั้นดูแตกต่างในตอนขากลับ.
ผมรู้สึกว่าทุ่งดอกไม้ที่จุดนี้เหมือนเป็นที่ใหม่.ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรักดอกไม้มากขนาดนี้. :)ระวังหัวของคุณตอนที่คุณถ่ายรูป,ตำเตือน,ระวังหัวของคุณ!
ด้วยความช่วยเหลือของไฟฟ้า,ผมไม่ต้องออกแรกมากในการไปและกลับ4.4km ซึ่งมันสนุกมาก.มันคงจะไม่สนุกถ้ามีคนเยอะเพราะว่าผมไม่สามารถขี่ได้เร็วพอและจะรู้สึกกดดันเมื่อมีใครอยู่ด้านหลังแต่ผมไม่รู้สึกไม่สบายใจที่นี่เลย.
พวกเราเดินขึ้นไปยังยอดของสถานี Gurangri ด้วยความสงสัยและพวกเราเห็นสวนที่ดูเหมือนที่เราเห็นในกำแพงปราสาทMungyeongsaejae.กับกาแฟจากร้านสะดวกซื้อที่ชั้น1,พวกเราดูวิวที่ศาลาบนชั้น2และกาแฟก็รสชาติดีขึ้นมาก. Mungyeong มีถนนสวยๆให้เดิน,เป็นสถานที่ที่จะสนุกสำหรับเดินเล่นและมีกิจกรรมเยอะๆให้สนุกด้วย.ผมไม่สามารถไปไหนได้มากภายใน2วัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านักท่องเที่ยวจะรักเมืองนี้.ผมเชื่อว่ามีแค่ไม่กี่ที่ที่อนุญาติให้ครอบครัวทั้ง 4คนมีความสนุกมากขนาดนี้ด้วยเงินเพียง 15,000 วอน.ทำไมคุณไม่ลองขับรถพาครอบครัวหรือคนพิเศษมาที่ดูล่ะ? :)
ที่อยู่ของสถานี Guryangri : 251-4, Hanae-ri, Maseong-myeon, Mungyeong-si, Gyeongsangbuk-do (경상북도 문경시 마성면 하내리 251-4)
โทรศัพท์: 054-571-6421
เว็บไซท์: http://www.mgrailbike.or.kr/page/usage02.php
รสชาติใหม่ของjjamgbbong! ร้านอาหารดีดีในMungyeong, ' Hanseongjjamgbbong ' 한성짬뽕
เมื่อคุณหาร้านอาหารดีดีในMungyeong,ส่วนใหญ่จะทำYakdoldoejiและที่เหลือจะเสริฟอาหารประจำชาติเกาหลี เช่นMaeuntang( สตูว์ ปลา)หรือCheonggukjang(ซุปเต้าเจี้ยว), และหนึ่งในนั้นชื่อ Hanseongjjamgbbong ที่ผมสังเกตุเห็น.ผมคิดว่ามันก็ไม่เป็นไรที่จะกินก๋วยเตี๋ยวซักหนึ่งมื้อดีกว่ากินข้าวทั้งหมด3มื้อถ้าพวกเรานอนหนึ่งคืนในMungyeong เต็มไปด้วยและมีอะไรให้ทำสนุกๆดังนั้นเราจึงตัดสินใจไปที่นั่น.
Hanseongjjamgbbong, ชึ่งตั้งอยู่ใน Mojeon-dong ใช้เวลา30 นาทีในการขับรถไปจาก Mungyeongsaejae, ดูค่อนข้างจะไม่เหมือนร้านอาหารเนื่องจากมันอยู่ตรงกลางของอพาร์ทเม้นท์ที่กำลังก่อสร้างศูนย์ที่พัก.เมื่อผมได้ยินว่าเขามี jjamgbbongผมคิดถึงว่ามันจะเป็นร้านอาหารจีนทั่วๆไปแต่มันต่างจากที่ผมคิดไว้อย่างสิ้นเชิง.ภายนอกนั้นไม่ธรรมดาซึ่งพวกเราก็มีความหวังสูงเมื่อเข้าไปด้านใน.
ร้านนี้เปิดตั้งแต่ 11:30 และเบรกจาก3 ถึง 5 โมงเย็น.เพื่อการเตรียมอาหารเย็นซึ่งคุณก็จำเอาไว้.
มีอาหารจานหลักๆอยู่เพียงแค่4จานในHanseongjjamgbbong, jjamgbbong (หอยแครง, เนื้อ), jjajangmyeon,เต้าหู้ทอดand Tangsuyuk. คุณสามารถเลือกระดับความเผ็ดที่คุณต้องการของ jjamgbbong, และเมนูง่ายๆนี้ทำให้ผมคิดว่า'คุณเก่งนะเนี่ย, เฮ้อ?' กับความแคลงใจนิดหน่อย.บวกกับ,ราคาค่อนข้างแพงซึ่งทำให้ผมแคลงใจมากขึ้น.เท่าที่ผมรู้, jjajangmyeonนั้นเป็นสัญลักษณ์พวกเราจึงสั่งGgomakjjambbong (รสปกติ) และSogogijjamgbbong (แบบเผ็ด) เนื่องจากมันเป็นที่รู้จักสำหรับjjamgbbong.
กับการบริการตัวเองอย่างหัวหอม, danmuji, chunjang และอาหารจานอื่นๆที่มี,พวกเรารออาหารจานหลักที่สั่งมาเสริฟ.
มันค่อนข้างเงียบในตอนแรก,ประมาณ5โมงเย็น,แต่มันก็ยังใช้เวลาซักพักที่จะเห็นSogogijjamgbbong และGgomakjjambbong บนโต๊ะของพวกเรา.
ก่อนอื่น,พวกเราลองSogogijjamgbbongที่ผมเลลอก.เหนือจากทั้งหมด,เนื้อสไลด์นั้นใหญ่เท่ากำปั้นของผู้หญิงนั้นวางอยู่ในชาม.แล้วพวกเขาก็เพิ่มกะหล่ำnapa ,หัวหอม,แครอท,ฟักทองและผักอื่นๆ.โดยเฉพาะ,ผมชอบที่ว่าพวกเขาใช้ผักกะหล่ำ napaเพียงพอเพราะว่าซุปนั้นเข้ากันได้ดีกับกะหล่ำnapa เนื่องจากมันสดชื่นมากกว่าความหวานของกะหล่ำทั่วไป.อาหารจานนี้ดูดีเนื่องจากมันมีส่วนประกอบที่พอเพียงที่คุ้มค่าของราคา.
หลังจากผมลองเนื้อและผักในซุปแล้ว,ผมลองซุป.ว้าว~~~หลังจากชิมมันเข้มและสดใหม่พร้อมๆกันกับเนื้อและกะหล่ำและผมสามารถรู้สึกถึงรสชาตืของถ่านน่าจะมาจากผัก เพราะว่ามันถูกผัดด้วยไฟแรงจนเกือบไหม้.รสชาติที่คุ้นเคยและแตกต่างทำให้ผมนึกถึงYukgaejang ผสมกับ Tonkotsuราเมนของญี่ปุ่น.
ซุปนั้นได้ถูกต้มสองครั้งเป็นเวลา 24 ชั่วโมงกับซี่โครงหมู.โดยปกติ,เรานึกถึงซีฟู๊ดเมื่อมาที่ jjamgbbong แต่มันดูเหมือนว่าจานพิเศษของ jjamgbbong คือซุปหมูแสนอร่อยที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อ.สำหรับ jjamgbbong,ผักนั้นสมควรจะผัดด้วยพริกเผาและน้ำซุปหมูและเนื้อเพิ่มลงไปมันอาจดุเลี่ยนแต่ไม่เลี่ยนเลยและมันยังมีรสชาติที่เข้มข้นและดีกับความรู้สึกสดชื่นหลังจากกิน.ซึ่งผมคิดว่าพวกเขาใช้กะหล่ำ napa แทนที่จะใช้กะหล่ำธรรมดา.ผมไม่ค่อยชอบอาหารเผ็ดซึ่งผมจึได้สั่งแบบธรรมดาแต่มันก็ยังเผ็ดผมไม่สามารถจินตนาการว่า "เผ็ดมาก" jjamgbbong จะเผ็ดขนาดไหน.
ผมตกใจที่รสชาติของซุปและมันถึงเวลาที่จะลองบะหมี่ดู.ก่อนอื่น,ขนาดนั้นพอดี.ผมลองเนื้อกับบะหมี่ jjamgbbong ที่พันรอบๆเนื้อมันเหมือนกับกินเนื้อใน naengmyeon ( บะหมี่บัควีทเย็น).ผมคิดว่าเนื้อนั้นแห้งไปหน่อยเพราะว่ามันเป็นเนื้อล้วนถึงแม้ว่ามันจะเป็นเนื้อที่หั่นบางๆ,แต่มันก็นุ่มและเต็มไปด้วยรสชาติ.อย่างไรก็ตาม,บะหมี่นั้นไม่เหนียวอย่างที่ผมคิดไว้และผมคิดว่ามันค่อนข้างอืดไปหน่อย.ผมคิดว่าพวกเขาไม่ได้ใส่สารปรุงแต่ง,กลูติน,ซึ่งมันทำให้บะหมี่ยืดหยุ่น,แต่พวกเขาใช้แป้งดิบชั้นดีแทนจากที่ผมอ่านจากในเมนู.ผมรู้สึกเหมือนบะหมี่นั้นรสอ่อนกว่าบะหมี่ปกติแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าบะหมี่นั้นปรุงรสด้วยซอสไม่ดีเหมือนกับร้านอื่นๆ.
นั่นคือ Ggomakjjamgbbong ที่ภรรยาผมเลือกผู้ซึ่งบ่นกับผม.ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกับว่าพวกเขานำเสนอมันกับหอยแมลงภู่หรือหอยแครงในนั้นกับอาหารทะเลหลากหลายขึ้นอยู่กับฤดูกาล,ไม่เสริฟGgomakjjamgbbongตลอดเวลา.เมื่อตอนผมอยู่ที่นั่น,พวกเขาเสริฟผมGgomakjjamgbbong กับผักและหอยแครง.
หอยแครงตัวเล็กๆ,น่าจะยังมีชีวิตอยู่,ได้ถูกวางไว้ข้างบน.ซุปนั้นรสชาติไม่เข้มข้นและใสกว่าซุปSogogijjamgbbong ผมเดาว่ามันเป็นน้ำซุปหมูผสมกับน้ำซุปสาหร่าย.
เหมือนกับSogogijjamgbbong,มันมีผักชนิดต่างๆรวมถึงกะหล่ำnapa,หัวหอม,แครอท,และฟักทอง. Ggomakjjamgbbong นั้นรสชาติดีทีเดียวด้วยผักที่สดและเหลือเฟือ แต่ผมชอบSogogijjamgbbong มากกว่า.ผมคิดว่ามันจะดีกว่านี้ถ้าพวกเขาใส่หอยแมลงภู่เพราะรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน.เนื้อของหอยแครงนั้นดีและเหนียวนุ่มแต่รสชาติดีกว่าเนื้อ.ผมไม่สามารถเปรียบเทียบได้แต่สำหรับผม,Sogogijjamgbbongนั้นดีกว่านิดหน่อย.มันน่าจะเป็นเพราะความบังเอิญแต่ผู้ชายทุกคนที่ร้านสั่ง Sogogijjamgbbong ตอนที่ผมอยู่ที่นั่น.น่าจะเป็นเพราะว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าเราเลือกเนื้อถ้าราคามันเท่ากัน. ^^*
มันค่อนข้างแพงสำหรับjjamgbbong, อย่างไรก็ตาม,ส่วนผสมนั้นเยอะ.นี่คือเปลือกหอยแครงที่ภรรยาผมใช้เวลาในการแกะ10นาที.มันอาจใช้เวลาซักพักในการแกะหอยแครงเพราะว่ามันมีเยอะซึ่งผมขอแนะนำให้คุณเปิดตอนที่คุณกินบะหมี่.หรือไม่อย่างนั้น,บะหมี่ก็จะอืดได้.
มีร้านjjamgbbong ที่ดีที่สุดในเกาหลีอยู่ 5ร้านที่เชี่ยวชาญในการทำjjamgbbong.ผมเป็นแฟนตัวยงของบะหมี่ผมจึงลองมันทั้งหมดและผมต้องขอบอกว่าสชาติและความเป็นเอกลักษณ์ของ Sogogijjamgbbong ที่ Hanseongjjambbong นั้นดีพอๆกับบะหมี่จากร้านพวกนั้น. Ggomakjjamgbbong นั้นดีแน่นอน....... ผมคิดว่า 8,000 วอน นั้นไม่ใช่เงินน้อยๆสำหรับ jjamgbbong หนึ่งชามแต่อย่างน้อยผมก็ได้ลองมันแล้วครั้งหนึ่ง,มันคุ้มค่าเนื่องจากมันมีส่วนประกอบหลายอย่างในนั้นและผมไม่สามารถหากินที่ไหนได้อีกดังนั้นผมจึงแนะนำให้คุณต้องมาลองดู.
ที่อยู่ : 943-2, Mojeon-dong, Mungyeong-si, Gyeongsangbuk-do (경상북도 문경시 모전동 943-2)
★ร้านนั้นจะย้ายไปยังตึกถัดไปซึ่งภายนอกอาจจะดูแตกต่าง★
เนื่องจากทริป2วันที่ Mungyeong ได้จบลง
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นทริปแค่ 2วัน,สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาMungyeong, ผมได้ค้นคว้าหาประสบการณ์ และสำรวจดูรอบๆ Mungyeongโดยไม่พัก. Mungyeong มีอะไรมากมายให้ชิม,ดูหรือทำมากกว่าที่ผมได้ทำมา.ผมเข้าใจว่าทำไมMungyeong ได้รับการโวทมากที่สุดจาก " 100สถานที่ที่ชาวเกาหลีควรไป".มันมีไม่กี่ที่ที่คุ้มค่าในการเยี่ยมชมภายใน2วัน นอกจากมันจะเป็นเมืองใหญ่.ผมเชื่อว่ามันน่าจะถูกรับเลือกให้เป็นที่หนึ่งในหมู่ " เมืองที่ชาวเกาหลีอยากกลับไปอีกครั้ง"ถ้ากระทรวงการท่องเที่ยวเกาหลีได้จัดทำโพลขึ้น.มันเป็นเมืองที่ให้ความจุใจสำหรับผม.ทำไมคุณไม่ไปเที่ยวMungyeong ซักสองวันล่ะ?
จบบริบูรณ์