วันที่สอง, ผมไปสถานีโรงพยาบาล Gyeongadae เพื่อที่จะไปยัง Gim Gwang Seok-gil (ถนน), ศิลปินนักร้องแห่งชาติ, เสียงของยุคนี้. ออกจากทางออกหมายเลข 3 และเดินไปตามป้ายแล้วคุณก็จะเห็น Gim Gwang Seok-gil ระหว่างตลาด Bangcheon และผนังที่ถูกเก็บรักษาไว้ Sincheon-daero.
มันได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยชิ้นส่วนของโลหะจากประตูทางเข้า. เป็นวิวที่มีสีสันศิลปะ, ผมต้องบอกเลย.
Gim Gwang-seok, ผู้ชึ่งจากพวกเราไปตั้งแต่อายุยังน้อย, บางทีอาจจะน้อยมาก. ตอนนี้ถนนทั้งหมดได้สร้างมาเพื่อเขาและเพลงของเขาไปเปิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด. ยกเว้นในช่วงวันหยุด, พวกเขาเปิดเพลงของเขาตลอดทั้งถนนในชั่วโมงพิเศษทุกวัน. ผู้คนชอบเสียงของเขาและรักในเพลงของเขาจะต้องจำเขาได้ตรงจุดที่อยู่ในรูป.
ในซอยถัดไป Gim Gwang Seok-gil (ถนน). ผมเจอร้านไม่กี่ร้านที่ดูแล้วเป็นศิลปะมาก. มันให้ความรู้สึกเหมือนเพิ่งเปิดใหม่ทั้งดนตรีและศิลปะ, และวัฒนธรรมอย่างอื่นๆ จึงได้พูดคุยกับผม, ไม่ใช่แค่เพลงของ Gim Gwang-seok. ผมได้ยินมาว่า Chae Hwan คนที่อยู่ในรายการทีวี
ที่นี่บนฝาผนังในซอยเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง, คุณจะเจอกับเนื้อเพลงที่ประพันธ์ที่จะยังคงอยู่ในความทรงจำและคุณอาจจะเคยได้ยินอย่างน้อยสักครั้งถ้าคุณเป็นคนเกาหลี. ผมเชื่อว่าถนนนี้มีความหมายที่จะทำให้พวกเรามองกลับไปยังอดีตเพราะว่าเป็นนักร้องผู้ที่เคยร้องเพลงแห่งความรักและความฝันของคนหนุ่มสาวเมื่อครั้งเขายังมีชีวิต.
ในขณะที่ผมมองหาไปทุกที่ในซอย, ผมเจอร้านที่ทำให้ผมนึกถึงวัยเด็กของผม. ถึงแม้ว่าจะได้รับเลือกให้เป็น 4 วิชาสังคมชั่วร้าย (ความรุนแรงเกี่ยวกับครอบครัว, ความรุนแรงเกี่ยวกับโรงเรียน, ความรุนแรงทางเพศและอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ), มันค่อนข้างที่จะสนุกมากสำหรับนักเรียนประถมในทั้งประเทศ. คุณจะไม่สามารถจินตนาการได้แต่ผมมีความสุขมากที่จะซื้อลูกอม, เจลลี่ หรือ หมากฝรั่ง ที่ร้านค้าประจำในราคา 100 วอน เมื่อตอนผมเป็นเด็ก. ผมเห็น ddakiji (เกมส์ตบ), สติ๊กเกอร์เสื้อผ่า, และหนังสือที่ผมไม่รู้ว่ามันมาจากไหน. ด้วยเงินจำนวนน้อยนิด, ผมซื้อพวกมันได้บ้างแค่นึกถึงประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา แล้วก็เดินต่อไป
ด้วยจิตวิญญาณนักดนตรีของ Gim Gwang-seok, ผมได้ถ่ายรูปในมุมต่างๆ ข้างอนุสาวรีย์ทองแดงของเขา.
ร้านขายขนมที่ตั้งอยู่ตรงนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าผมอยู่ในปี 1970 ถึง 1980. ผมรู้สึกชอบเพลง 'เมื่อผมพบกับคุณโดยบังเอิญ' เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเล่นตลอดเวลา. ผมจะต้องลอง 'เซทเมนู Gim Gwang seok-gil' คราวหน้า.
นี่คือกำแพงที่คุณสามารถเขียนได้ทุกอย่างลงไป. ผมดูคนนั้นคนที่วาดรูปหัวใจด้วยรูปทรงแห่งความรัก. มันคงจะสนุกที่จะจำตอนนี้เมื่อเขาโตขึ้นมาและเห็นลายมือของเขา.
จุดหมายต่อไปคือ สวนสาธารณะ Gyeongsang. ห้องโถง Seonhwadang คือหน่วยงานของรัฐบาลของ Gyeonsang-gamyeong สำนักงานผู้ว่าราชการที่ผู้ว่าราชการเคยทำงาน. มันเป็นการก่อสร้างหน่วยงานของรัฐบาลซึ่งจะเป็นศาลากลางหรือสำนักงานรัฐบาลระดับภูมิภาค. สำนักงานระดับภูมิภาคของ Gyeongsang-do ตั้งอยู่ที่ Andong แต่ได้ย้ายไป Daegu ในปี 1610. มันเป็นโอกาสดีทีจะย้ายไปเนื่องจาก Daegu มีการพาณิชย์ที่มั่นคงยิ่งใหญ่รอบๆ บริเวณ Gyeongsang ในเวลานี้.
ใกล้กลับสวนสาธารณะ Gyeongsang-gamyeong, มีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของ Daegu, อาคารสร้างเมื่อปี 1932 เดิมทีเป็นธนาคาร Chosen Siksan สาขา Daegu. สาขาของ Daegu ถูกใช้ให้เป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศเกาหลีในปี 1954 แต่ในปี 2011 ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่. มีศูนย์นิทรรศการถาวรในชั้นแรก, มีแบบจำลองของธนาคาร Chosen Siksan ภายใต้การปกครองลัทธิจักรวรรรดินิยมของญี่ปุ่นจัดแสดง นั่นทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยเมื่อคุณอยู่ในธนาคาร.
คุณสามารถที่จะลองใช้รถบัส Buyeong ที่คุณสามารถดูรอบๆ ตัวเมืองของ Daegu ในช่วงที่ทันสมัย พร้อมกับไกด์ในบัสที่เป็นผู้หญิงที่จะพูดสำเนียงที่น่ารักของ Daegu. คุณจะได้เห็นตลาดที่ยังคงอยู่และอาคารประวัติศาสตร์ของ Daege ที่คุณสามารถเห็นได้จากบนรถบัส.
มีอย่างอื่นอีก, มีการจัดแสดงชั่วคราวด้วยรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงใน Gyeongsang-gamyeong สำนักงานของผู้ว่าราชการ, การเคลื่อนไหวของการชอเชยหนี้สินแห่งชาติ, วัฒนธรรมสมัยใหม่ใน Daegu, การศึกษาของเมือง Daegu, วิถีชิวีตการเกษตรที่ตกทอดสืบกันมาและความสมัยใหม่ของเมือง, Daegu.
ตลาด Yeommae ตั้งอยู่ใกล้กับซอย Yakjeon อีกที่หนึ่งมีความสนุกสนานที่จะไปเยี่ยมเยียน. มันยังอยูุ่ในช่วงวันหยุดประจำชาติ มีร้านอาหารขายอาหารต่างๆ และ ร้านเค้กข้าวดูเหมือนว่าวุ่นวายที่จะดึงดูดลูกค้าในช่วงปลายของวันหยุดประจำชาติ.
ขณะที่ผมกำลังมองหาตลาด Seomun, มีสัญลักษณ์ที่แสดงว่า < ทางไป Guam Seowon> ทำให้ผมจ้องมองตามมันไป. ผมมั่นใจว่า Seowon ไม่ได้อยู่ในเส้นทางแคบๆ นี้แต่มันมาที่นี่, Seowon อยู่ที่นี่.
ในตรงกลางของซอยแคบพร้อมกับบ้านและกำแพงสูงทั้งสองข้าง, Seowon ก็ปรากฎขึ้นในสนามหญ้าใหญ่. วิวทำให้ผมลืมว่าตรงนั้นมีถนนใหญ่ข้างนอก Seowon พร้อมด้วยรถที่ขับเสียงดัง. มีเพียงคนดูแลหนึ่งคนและเหมือนจะไม่มีผู้เข้าชมจำนวนมากเพราะมันไม่เป็นที่รู้จักดี.
ผมก็ได้นั่งลงตรงที่เป็นพี้นกว้าง, มันเย็นดีเพราะมันลมพัดผ่านด้านหน้าและด้านหลังของห้อง. ผมจะบอกว่าคุณสามารถที่ทำการจองเพีื่อที่จะพักที่นั่นผ่านการจองออนไลน์หรือโทรศัพท์. Daegu มีภาพลักษณ์ของอากาศร้อนและอัดแน่นไปด้วยผู้คน เมืองใหญ่ แต่มันจะก็ดีสำหรับการพักผ่อนที่สนุนสนานถึงแม้ว่าจะอยู่ใจกลางเมืองที่นี่.
ในที่สุดผมก็ถึงตลาด Seomun. ถ้าในโซลมีตลาด Namdaemun, Daegu ก็มีตลาดนี้. มันเคยเป็นตลาดที่เป็นตัวแทนของ Daegu นั่นสถานีรถไฟใต้ดิน Seomunsijangyeuk (ตลาดสถานี Seomun) ได้รับการตั้งชื่อตามตลาดนี้ และคุณไม่ควรลืมมาที่นี่เมื่อมาหาของกินที่ Daegu. มีอาหารหลายอย่างที่ราคาถูกรวมทั้ง kalguksu, sujebi, kaljei หรือ bibimbap ที่หลอกล่อสายตาผู้คนไว้. ร้านอาหารเต็มไปด้วยผู้คนแล้ว.
ผมเห็นคนเข้าแถวรอ hotteok ดังนั้นผมก็เลยลองดู. มี hotteok ไม่กี่อย่างและอย่างหนึ่งได้ทอดในน้ำมันตรงด้านหน้าสายตาของคุณ กับน้ำตาล, เมล็ดธัญพืชและถั่วข้างใน. นี่คือเป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ของผู้คนและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ, ผมได้ยินพวกเขาถามเกี่ยวกับมัน. คนนั้นมากับเพื่อนชาวต่างชาติพูดว่า H-O-D-D-E-O-K ได้ชัดเจนมาก. ต้องเป่าก่อนเพื่อไม่ให้ลิ้นของผมถูกลวกจาก hotteok ที่เพิ่งได้มาจากความร้อนของน้ำมัน, ผมกินมันหมดอย่างรวดเร็ว. ก็ยังมีอาหารอย่างอื่นในตลาด, ข้างในตลาดเต็มไปด้วยอาหารที่รสชาติดีมากหลังจากที่เดินไปเรื่อยๆ.
หลังจากที่กิน Hotteok เป็นของหวานแล้ว, ผมก็ได้อาหารของผม. อาหารกลางวันของผมคือ Bibimbap ที่ราคาสมเหตุสมผล. ผมกินข้าวที่ผสมข้าวกับผักหลายอย่าง, gim, งา, น้ำมันงาและ gochujang. ผมได้ยินคนสั่ง kajebi และผมคิดว่ามันคงจะเป็น kalguksu ในชาม (ก๋วยเตี๋ยวสับ) และ sujebi (เกี๊ยบกับซุปใส). คราวหน้าผมอาจจะกิน kaljebi และ เกี๊ยวแผนแบนๆ.
ผมไปที่ Samgyupasal สำหรับอาหารเย็น. ที่ผมจะได้กิน Samgyupsal หนาด้วยคุณภาพที่ดีและราคาที่สมเหตุสมผล. ครอบครัวของผมมีความสุขกับอาหารเย็นที่โอบอ้อมอารี. เนื้อที่มีคุณภาพสูงคือหนึ่งในความได้เปรียบของร้านนี้และก๋วยเตี๋ยวได้จัดเสิร์ฟมาเหมือนของหวานมันดีมาก. ผมคิดว่ามันไม่ได้แตกต่างจากก๋วยเตี๋ยวได้จัดเสิร์ฟ ที่ได้จัดเสิร์ฟในร้านเนื้ออื่นๆ แต่ซุปอร่อยมากพร้อมกับเครื่องปรุงต่างๆ.
Bingsu (เกล็ดน้ำแข็งกับน้ำเชื่อม) ซึ่งมีชื่อเสียงมากในเกาหลี. Bingsu เคยเป็นของหวานในฤดูร้อนที่ทุกคนต่างรัก แต่วันนี้, bingsu ที่มีหลายอย่างต่างยั่วยวนผู้คนทั้งหมดที่ต้องทุกข์ทนกับสภาพอากาศร้อน. ในฤดูใบไม้ร่วงได้เริ่มขึ้น แต่ Daegu เป็นเมืองที่ร้อนที่สุดในเกาหลี, สภาพอากาศยังคงร้อนเพราะฉะนั้นพวกเราต้องกิน bingsu ทุกวัน. เมื่อวานผมได้ลอง bingsu แบบธรรมดาแต่วันนี้, พวกเราเลือก bingsu ด้วยหน้าที่มีสีสันสวยงามที่ Sulbing. ที่นั่นมีหลายแบบของเกล็ดน้ำแข็งกับน้ำเชื่อม ฉะนั้นพวกเราไม่เบื่อแม้ว่าจะต้องกินทุกวัน. หนึ่งชามของเกล็ดน้ำแข็งกับน้ำเชื่อมค่อนข้างที่จะแพงแต่ก็สมกับราคาเพราะว่าเต็มไปด้วยหน้าที่เติมลงไป. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, พวกเราได้ลอง injeolmi (เค้กข้าวแบบดั้งเดิมของเกาหลีทำจากแป้งข้าวเหนียวและเคลือบด้วยแป้งถั่ว) ครั้งแรกสำหรับ bingsu และเต็มไปด้วยรสชาติและนุ่มเหนียวของแป้งถั่วกระตุ้นความอยาก เข้ากันได้ดีกับน้ำแข็งนม ฉะนั้นผมขอแนะนำให้คุณได้ลอง.
'Sulbing' มาจากคำโบราณที่ใช้ใน Daegu ซึ่งหมายถึง bingsu, และมันได้แผ่ขยายไปยังเมืองอื่นจนกลายเป็นทั้งประเทศ. วันนี้, มันกลายเป็นเทรนด์ที่ทุกคนต้องลอง ' Sulbing' อย่างน้อยหนึ่งครั้ง.
ช่วงแสงอาทิตย์ยามบ่าย, พวกเราได้ปีนขึ้นไปที่สวน Apsan ที่ที่ประชาชน Daegu รู้จัก. มันเคยถูกเรียกอย่างแตกต่างแต่ ทุกคนเรียกว่าว่า Apsan และมันก็กลายเป็นชื่ออย่างทางการ. Apson เหมือนจะเป็นเนินเขาเล็กๆ ตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆ แต่ว่ามันค่อนข้างที่จะสูงที่นักท่องเที่ยวจะไปเยี่ยมชม. รวมทั้งมี, Apsan Outskirt Trail คือเส้นทางที่มีระดับต่ำและเชื่อมต่อกับที่ ที่คุณจะ สามารถที่สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับวิวและกับครอบครัว และคู่รักก็พากันมาที่บ่อยๆ.
เดินผ่านป้ายสัญลักษณ์ได้ชี้ในเส้นทางที่แตกต่างเพื่อสนุกสนานกับภูเขา, ผมเจอ <หอรำลึกอนุสรณ์สถานแม่น้ำแห่งชัยชนะ Nakdong>. มันเป็นศูนย์ที่ระลึกสร้างขึ้นเพื่อยึดมั่นในความทรงจำของประชาชนหรือทหาร ผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อในสงครามของ Nakdonggang ระหว่างสงคราเกาหลี. ผมจะบอกว่ามีนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายยังคงมาเยี่ยมเยียนที่นี่บ่อยๆ เพื่อเข้าให้เข้าประวัติศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น. หอรำลึกอนุสรณ์สถานเป็นอาคารสองชั้น แต่มันเป็นวันหยุด ดังนั้นคุณจะเห็นรถถังและเครื่องบินรบตั้งแสดงอยู่ลานด้านหน้าทั้งหมด. อย่างไรก็ตาม, มีหลายอย่างที่ให้ดูมากกว่าที่ผมคาดไว้.
พวกเราเห็นได้ถึงความแตกต่างของรถถึงและเครื่องบินรบที่ใช้ในสงครามเกาหลี นั่นเองทำให้เราคิดว่า เราเคยเห็นในบางหนังสงครามหรือในเกมส์.
มีอนุสาวรีย์และมีการเขียนเพื่อเฉลิมฉลองให้กับนักเรียนที่เป็นอาสาสมัครผู้ที่ร่วมกับกองทัพในสงครามเกาหลี. ไม่ว่าพวกเขาจะต่อสู้ด้วยความสมัครใจหรือไม่, นึกถึงคนหนุ่มสาวที่ตายเพราะว่าเป็นโศกนาฏกรรรมแห่งชาติ ทำให้ผมรู้สึกเศร้า. วันนี้, พวกเราจะต้องเรียนรู้และรำลึกถึงเหตุการณ์ความโหดร้ายของสงครามที่เกิดจากสถานการณ์รุนแรง เช่น สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ที่ต้องต่อสู้ว่าใครถูกหรือใครผิด. เพื่อทำให้สวนนี้เงียบสงบตลอดไป.
เพื่อจะไปที่หอดูดาว, ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของภูเขาที่ ที่พวกเราสามารถเห็นเมืองได้ทั้งเมือง, ผมเลือกที่จะขึ้นเคเบิ้ลคาร์. พวกเราซื้อตั๋วและขึ้นเคเบิ้ลคาร์รู้สึกตื่นเต้นจริงๆ .
ผมนึกว่าเคเบิ้ลคาร์เล็กที่สามารถจุได้ 5 คน แต่ว่ามันใหญ่เหมือนกับรถรางที่สามารถจุคนได้เยอะและก็ขึ้นไป. ในขณะที่ผมหันกลับลงไป, ผมทางเดินเหนือหน้าต่างใหญ่ที่ ที่พวกเราเดินขึ้นมาที่นี่. วิวจากเคเบิ้ลคาร์ก็ดีในระดับหนึ่งแต่ผมค่อนข้างที่จะตื่นเต้นกับวิวข้างบน.
คุณควรที่จะเดิน 15 นาทีจากเคเบิ้ลคาร์เพื่อไปยังหอดูดาว. ถ้าคุณเดินสักพักดูท้องฟ้าในฤดูใบไม้ร่วง ที่เหมือนจะเข้ามาใกล้เกือบจะตก พุ่มใบไม้ของต้นไม้ต่างพากันพูดคุยต่อกัน, คุณจะถึงหอดูดาวในไม่ช้า.
ครั้งสุดท้ายที่ผมมาที่ตอนสมัยที่ผมเรียนเป็นนักศึกษาวิทยาลัยเมื่อ 20 ที่แล้ว, มันก็ยังไม่มีประตูที่ดี ทั้งๆ ที่มันกลายเป็นที่นิยมใน Daegu เหมือนกับหอคอย Namsan ในโซล, พวกเขาควรที่จะสร้างที่นี่. สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ตรงทางเข้าเหมือนหน้าต่าง หรือกรอบรูปนั้นเหมาะสำหรับการเก็บรูปภาพวิวข้างหลังประตู.
อากาศที่สดชื่นและวิวของตัวเมือง Daegu แผ่ขยายไปทั่วสายตาของผมใต้ท้องฟ้าสีคราม. หอดูดาวรายล้อมไปด้วยกระจกเพื่อที่ขยายการมองเห็นและทำให้พวกเรารู้สึกว่าอยู่ในสวนของสวรรค์.
ผมเห็นแนวของภูเขาที่โอบล้อมเมืองที่ใหญ่และกว้างเหมือนกับป้อมปราการ. ความพยายามของเราทั้งหมด, ขึ้นเคเบิ้ลคาร์และเดินแล้วเดินอีก, มันมีค่ามากและเราก็ได้เห็นวิวที่น่าทึ่ง.
ผู้คนถ่ายรูปกับวิวที่ไม่มีสิ้นสุดและเหมือนกับว่าจะใกล้กับท้องฟ้าที่สุด. พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของวิว.
เดินลงจากภูเขา Apsan แล้วก็จะไปยังเส้นทางท่ามกลางหนุ่มสามจาก Daegu. ตามถนนจาก Hyunchoong ทางสามแยกถึง สวน Apsan Bbaletteo ซึ่งระยะประมาณ 1.5 กม, ที่นั่นมีแกลอรี่เกือบ 30 แกลอรี่, ร้านกาแฟและร้านอาหาร ที่ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับเดทที่แสนจะโรแมนติค.
นี่คือร้านอาหารพร้อมกับเมนูพิเศษชื่อว่า,
เป็นอาหารที่ธรรมดาและเน้นไปที่รสสัมผัสของส่วนผสมแต่ละอย่าง. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, ผมไม่สามารถที่จะหยุดกินสลัดกับเห็ดและ ผักร็อคเก็ต.