ในที่สุดผมก็มุ่งหน้าไปยังเกาะเจจู.ผมเที่ยวค่อนข้างเยอะ,แต่ส่วนตัวแล้วผมไม่เที่ยวช่วงที่คนนิยมมากนัก.เหตุผลหนึ่งก็เพราะว่ามันแพง,แต่เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดคือผมจะสนุกได้ไม่มาก.สำหรับพวกที่มีข้อบังคับของบริษัทที่เข้มงวดก็ไม่มีทางเลือก,แต่สำหรับคนที่เลือกได้,ผมแนะนำให้ไปช่วงที่คนไม่ไปกัน.
แบบนั้น,คุณสามารถที่จะสนุกกับธรรมชาติและบริการท้องถิ่นได้มากยิ่งขึ้น.เนื่องเป็นบล็อกเกอร์ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ท่องเที่ยวในหน้าเทศกาล,ผมไปเกาะเจจูในเดือนมิถุนายน.ในโพสนี้,ผมจะแนะนำสถานที่ที่น่าประทับใจ,และสถานที่ที่คนไม่ค่อยรู้จัก.
ผมตื่นเต้นกับการบินของเครื่องบิน,บรรทุกคนและกระเป๋ามากมาย.น่าประหลาดใจ.....ฮื้อ?ยังไงก็ตาม,ผมคิดว่าโซลนั้นคล้ายกับบาหลี,ล้อมรอบไปด้วยเมฆมากมาย.
ผมไม่สามารเห็นคนบนถนนได้เลย,เนื่องจากมันไม่ใช่หน้าเทศกาล.มีคนเยอะใกล็กับสนามบินและสถานที่ที่มีชื่อเสียง,แต่ที่อื่นไม่มีคนเลย.ไปดูที่ที่ผมเคยไปกันเถอะ.
สถานที่ใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยม,HanDam promenade (Jang Hancheol promenade)
ที่ที่ผมไปทันทีที่ผมมาถึงที่เกาะเจจูคือ HanDam promenade.เมื่อไม่นานมานี้,ชื่อได้ถูกเปลี่ยนเป็น 'Jang Hancheol promenade'. มีร้านราเมนชื่อดังชื่อว่า'Nolmaen' ซึ่งเจ้าของร้านออกรายการและจับปลาหมึกด้วยตัวเขาเองเพื่อทำราเมน.และมีคาเฟ่สวยๆที่ชื่อ'Springday' อยู่ที่ชายหาด.โดยเฉพาะ,ถนนนี้มีชื่อเสียงเพราะLee Hyo Ri เดินที่ถนนนี้ประจำ.ผมอาจจะได้เจอLee Hyo Ri ด้วย !
ทะเลกับความรู้สึกที่สดชื่นและความร้อนของเกาะเจจูทำให้ผมหรือสึกเหมือนกับล่องอยู่.ผมเช่ารถ,และผมได้ยินว่าเดี๋ยวนี้มีคนเยอะๆเช่าสกูดเตอร์สำหรับเที่ยว,แต่ก็ควรระวังในการขี่,สกูดเตอร์นั้นล้มง่าย,และถ้าสกูดเตอร์ล้มหรือมีรอย,คุณอาจจะต้องรับผิดชอบมัน.บ่งครั้งมีเจ้าของที่หลอกว่าเจอรอย,ถึงแม้ว่ารอยนั้นผู้เช่ารายนี้ไม่ได้ทำ.ร้านให้เช่าสกูดเตอร์นั้นค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับร้านเช่ารถ,ซึ่งคุณก็ระวังโดนโกง.
ยังไงก็ตาม,ผมจะเดินตามชายฝั่ง HanDam,ซึ่งมีชื่อเสียงในทุกวันนี้.
นี่คือคาเฟ่'Spring day'.คาเฟ่นี้ถูกสร้างด้วยไม้อยู่บนชายหาด,มันน่ารักมาก.โดยเฉพาะผู้หญิงจะเกาะไปรอบๆและถ่ายรูป.แต่..........
เพราะว่าสถานที่สวยและตั้งอยู่ที่ที่ดี,ผมกำลังเดินเข้าไปเพื่อที่จะซื้อชาสักถ้วย.แต่ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังออกมากันผมไว้,บอกผมว่าถ้าคุณอยากจะดื่มอะไรเข้าไปด้านใน.และเขาก็ไม่ได้ให้โอกาสผมดูป้ายเมนู.ก็......พวกเขาจะไม่ให้อะไรเขข้าใกล้ทางเข้านอกจากคนที่รู้ว่าจะดื่มอะไร,ถึงแม้ว่าจะไม่รู้เลยว่าพวกเขาขายอะไร.ผมเคยทำธุรกิจมานาน,ซึ่งผมรู้ว่าคนส่วนใหญ่ชอบเข้าใจผิดว่าความเป็นที่นิยมของพวกเขาในตอนนี้จะคงอยู่ตลอดไป.หลังจากนั้น,เมื่อเขาเสียลูกค้าไป,เขาก็จะเปิดประตูสำหรับทุกคนอีกครั้ง.ผมทำใจและไปยังที่อื่นที่ต้องไปเที่ยว.
ออกรายการหลายรายการ,มันดูเหมือนว่าจะเป็นที่นิยม,แต่ผมคิดว่านี่เป็นเจ้าของที่น่าสงสาร.แน่นอนมันมีความยากลำบาก,แต่ธุรกิจสมควรจะพร้อมสำหรับลูกค้า,และมันไม่ควรเต็มไปด้วยกฎสำหรับความสบายของเจ้าของและสต๊าฟ.แค่คนที่สมควรเป็นลูกค้า100% และเปลี่ยนลูกค้า90%เป็นศัตรู,'Spring day' คาเฟ่แน่นอนน่าสมเพช.
ผมจึงเดินตาม HanDam,ซึ่งรอบๆ 'Spring day' คาเฟ่.
เป็นที่ที่เป็นที่นิยมในสมัยนี้,อาคารกำลังยุ่งอยู่กับการก่อสร้างกำแพงรอบๆมัน,เหมือนกับชายหาดที่Woljeongni.ผมกำลังจินตนาการว่าถนนจะสวยขนาดไหนถ้ามีม้าสวยๆวิ่งอยู่.ผมสงสัยจังว่าอะไรจะมา.
ที่นี่คือร้านขายราเมนชื่อ'Nolmaen' ซึ่งอยู่ข้างๆ'Spring day'คาเฟ่.นี่เป็นสถานที่พิเศษ,เพราะว่าเขาจับปลาหมึกในทะเลด้วยตีนกบและ หน้ากาก,เมื่อลูกค้าสั่งบะหมี่ปลาหมึก.วันนี้,ผมเดาว่าปลาหมึกหมด.มั่น ใจ........
ตลาดห้าวันดูเหมือนว่าจะพักในวันที่สองและเจ็ด.น่าเสียดาย,มันไม่ใช่วันที่มีตลาดและยังไม่มีเครื่องปรุง,ซึ่งผมก็จะแค่ถ่ายรูป.
ด้านในนั้นเรียบง่าย.บะหมี่ขายอยู่ในอาคารที่ดูเหมือนฟาร์มเล็กๆของเกาะ,กับโต๊ะพลาสติกในสวน.มีส่วนที่มีเสน่ห์ของร้านในชนบทที่เป็นที่นิยมบนเกาะเจจู.มันมีคาแร็คเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร.
เขาใช้อุปกรณ์ในการกระโดดลงไปในทะเลและเอาปลาหมึกกลับมา.ถ้าผมได้เห็นสถานที่จริง,มันจะต้องน่าสนใจมากๆ.
ผมกำลังเดินตาม Jang Hancheol,ตั้งอยู่ที่เมือง HanDam.มันก็ถูกเรียกว่า HanDam,และ Lee Hyo Ri
ก็ยังเดินตามถนนนี้.ชายหาดยังเป็นชายหาดหินที่มีความเฉพาะตัวของเกาะเจจู.ยังมีชายหาดทรายสำหรับว่ายน้ำด้วย.
ดอกไม้สวยชูหัวออกมายิ่งดูงดงามมากขึ้นที่เจจู.^^ *
ถนนนี้ตามชายหาดประมาณ1.5km, เริ่มจากเมือง AewolHandam ถึงชายหาด Gwakji.ทางนั้นสั้นและใช้เวลา20นาทีถ้าเดินช้าๆ.
ผมคิดว่าผมจะเดินอยู่แป๊ปเดียว,แต่ผมเดินค่อนข้างไกล.เดินตามชายหาดเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกดูเหมือนว่าจะดีมากๆ.ทางเดินนั้นดูเงียบและสวย.
เมื่อผมเดินไป 1.5kmไปทางนั้น,ชายหาด Gwakjigwamul,ก็ยังถูกเรียกว่าชายหาดGwakji เป็นประจำ,ไม่ใช่หน้าเทศกาลนั้นดี~ไม่มีคน,ดูเหมือนว่าทั้งเกาะเป็นของผม. ^^ *
ผมเห็นว่าที่อาบน้ำแบบเปิด Gwamulนั้นอยู่ตรงมุมของชายหาด.อ่างอาบน้ำที่ชายหาด?
มันจริง,ผมคิดว่ามันถูกที่มีอ่างอาบน้ำ,เพราะว่ามันมีอ่างสำหรับหญิงและชาย........
เพราะผมสงสัย,ผมเข้าไปในที่ของผู้หญิง,ฮ่าๆ.มันใช่ที่อาบน้ำแบบเปิด.เมื่อชายหาดเปิด,ที่นี่ก็จะเปิดด้วย.แน่นอน,ฟรี.มีที่ที่คุณสามารถอาบน้ำด้วยน้ำจืด,ไม่ใช่น้ำทะเลเพราะน้ำจืดเอามาจากใต้ดิน.และนำก็เย็นมากแม้แต่ผู้ใหญ่ก็อยู่ในน้ำได้ไม่นาน.อาบน้ำจืดที่ชายหาดมันฟังดูดีมากๆ.
+ จุดเริ่มต้น 'Springday' คาเฟ่ ที่อยู่: 2540, Aewol-ri, Aewol-eup, Jeju-si, Jeju-do
โรงเรียนที่สวยที่สุดในโลก,โรงเรียนประถม Aewol Deoreok annex
สถานที่ต่อไปคือDeoreok annex.annex หมายถึงโรงเรียนซึ่งเป็นของหลายๆโรงเรียน,เพราะจำนวนของนักเรียนนั้นไม่แน่นอน.โรงเรียนDeoreok annex ของJeju Aewol นั้นตกอยู่ในอันตรายเพราะอาจจะถูกปิด.ไม่นานมานี้,เพราะว่าโฆษณาซัมซุง กาแล็คซี่ โน๊ต นั้นได้ถ่ายที่ Deoreok annex, พวกเขาทาสีอาคารเป็นแถบสีต่างๆ.หลังจากนั้น,นักท่องเที่ยวมากมายก็เริ่มมาที่โรงเรียน,และDeoreok annex ก็พ้นจากการถูกปิด.
ไม่มีกำแพงพิเศษยกเว้รเสาสองเสาที่ด้านหน้าโรงเรียน.เหมือนโรงเรียนอื่นๆ,ใช่มั้ย?แถบสีต่างๆที่โรงเรียนมันดูสวยจริงๆ.
ชู่ว!มันบอกว่าจนถึงหกโมงเย็นของวันธรรมดาโรงเรียนจะไม่เปิดให้สาธารณะ,แต่เมื่อนักเรียนกลับบ้านแล้ว,เขาก็จะเปิดประตูไว้แม้แต่มันจะยังไม่หกโมงเย็น.
สีนั้นไม่ใช่ทุกสีที่ถูกเลือก.ช่างทาสีที่มีชื่อเสียงระดับโลก'Jean Philippe Lenclos', ออกแบบธีมของ"สีแห่งความหลังและความฝันของเด็กๆที่เจจู".คุณคิดมั้ยว่าสีเหล่านั้นมันผสมผสานกันได้อย่างดี.
ผมเดินอย่างเงียบๆที่ด้านหลังของโรงเรียนและชื่นชมแถบสีต่างๆ.อย่าทำเสียงดังและเดินเบาๆ,เผื่อว่าจะยังมีนักเรียนกำลังทำกิจกรรมอยู่.
ผมเห็นรูปวาดดอกไม้สวยๆอยู่บนหน้าต่าง.ต้นไม้สีเขียวและอาคารแถบสี,และหน้าต่างที่มีรูปดอกไม้นั้นสวยมากๆ~
มีสัตว์เลี้ยงอยู่ทางสวนด้านหลังเพื่อการศึกษา,มีเป็ด,
มีกระต่ายที่กินไม่หยุด,
และมีเลี้ยงไก่ด้วย.
แต่ไก่นั้นไม่ยอมกินอาหาร,แค่นกกระจอกที่กิน. ^^
เพราะว่ามีนักเรียนเยอะในเมือง,โรงเรียนส่วนใหญ่มีหญ้าเทียมเพื่อการดูแลหญ้าให้ง่ายขึ้น.แต่โรงเรียนประถมส่วนใหญ่ในเกาะเจจูมีหญ้าธรรมชาติในสนามเด็กเล่น. Deoreok annexมีการดูแลหญ้าอย่างดีเหมือนกับที่คุณเห็นในสนามฟุตบอล.
โอ้,แล้วก็,เพราะว่ามันไม่มีที่จอดรถในโรงเรียน,ซึ่งก็ควรจอดรถไว้หน้าโรงเรียน.และเพราะว่าอาคารนั้นล็อค,สำหรับห้องน้ำคุณอาจจะต้องใช้กระเบื้องหลังคาซึ่งอยู่ในสถานที่ก่อสร้างใกล้กับบ่อน้ำ Yeon Hwa.อย่าทิ้งขยะ,และทิ้งบรรยากาศดีดีไว้"จากไปเหมือนไม่ได้มา" ประโยคนี้มันมีเสน่ห์จริงๆ.
ไม่มีใครในโรงเรียนนอกจากผม,ซึ่งผมสามารถวิ่งสองสามรอบคนเดียวเล่นกับลูกบอลㅎㅎㅎ ผมพากย์การแข่งขันเวิลด์คัพ,เปลี่ยนจากเมสซี่เป็นโรนัลโดและฮิดดิก.ผมหวังว่าผมจะไม่อยู่ในกล้องใคร ฮ่าๆ^^ *
โรงอาหารก็สวยเหมือนกัน,ใช่มั้ย?ผมเดาว่านักเรียนต้องชอบเวลาอาหารเที่ยง.
ผมไม่สามารถหาที่ที่ผมไม่ชอบได้เลย.แม้แต่น้ำพุก็ถูกทาสี.ก๊อกน้ำทั้งหมดก็ถูกหันหน้าไปคนละทางทำให้ผมนึกถึงสมัยเด็ก,ดื่มน้ำจากก๊อกแบบนี้.
ผมอยากไปโรงเรียนที่สวยๆเหมือนกัน.เมื่อกริ่งดัง,ผมอยากที่จะใช้เวลากับเพื่อนๆในสนามเด็กเล่นที่มีหญ้า.
โรงเรียนเก่าๆต้องมีสีของเขาเอง,และในแง่นั้น,การเปลี่ยนสีได้เปิดอีกโลกหนึ่ง.นี่ทำให้ผมประหลาดใจจริงๆ.
เหมือนกับว่าละอองเกสรได้ถูกสร้างขึ้นจากเด็กๆ,รวมตัวกันเหมือนกับว่าทั้งโรงเรียนจะถ่ายรูปหมู่.แม้แต่สิ่งนี้ก็ยังดูน่ารัก.
แม้ว่ามันจะเล็ก,มันมีทุกอย่างที่ต้องการ,ใช่มั้ย?ที่ด้านข้างประตูโรงเรียนมีตู้ปลาเหมือนกับบ่อน้ำเล็กๆ,มีปลาอยู่ตรงนั้นตรงนี้และดอกบัวที่กำลังโต.โดรงเรียนเต็มไปด้วยสิ่งดีดีสำหรับการพัฒนาอารมณ์ของเด็ก.ถ้าผมมีลูก,ผมจะส่งลูกมาโรงเรียนแบบนี้.
นี่อาจจะเป็นสัญญาณที่บอกถึงเวลาอาหารกลางวัน.โรงเรียนนี้ใช้ระฆังจริงๆ,ไม่ใช่เครื่องขยายเสียงซึ่งต่างจากโรงเรียนหลายๆที่ตอนนี้.ผมชื่นชมและสนุกมาถึงตอนนี้,แต่ผมนึกขึ้นได้ว่าความไม่สะดวกสบาย,ความพยายามของ Deoreok annexเพื่อที่จะมองหน้าเด็กๆได้นั้นยอดเยี่ยม.
เด็กๆพึ่งปลูกอะไรซักอย่าง.ผมสามารถเห็นผักกาดและผมเดาว่าพวกเขาปลูกผลไม้เบอรี่.เด็กๆจะต้องสนุกมากๆเมื่อมันโต.
โรงเรียนดูเหมือนบ้าน.ผมคิดว่าลูกจองผมจะโตขึ้นด้วยสุขภาพจิตที่ดีในโรงเรียนนี้ที่เต็มไปด้วยทัศนคติ...........ตอนไปเที่ยวที่เจจู.
+ ที่อยู่: 1580-1, Haga-ri, Aewol-eup, Jeju-si, Jeju-do
+โทรศัพท์: 064-799-0515
ร้านอาหารเกาหลีดั้งเดิมที่มีเสน่ห์, 'Anther'
อาหารหลักที่คนกินเวลามาเที่ยวเจจูคือปลาดิบ,สตูว์,แมคอเรล,ปลาดาบ,อาหารทะเลทั่วไป.ถ้าคุณเหนื่อยที่จะลองพวกนี้ทุกครั้ง,และรู้สึกนึกถึงอาหารที่แม่ทำ,ผมแนะนำร้านอาหารเกาหลีดังเดิม'Anther',และสะอาด,ราคาเป็นกันเอง.
'Anther'นั้นห่างจากเมืองเจจู30นาทีโดยรถ,ใกล้กับชายหาด Gwakjigwamulและทางเดิน HanDam,ซึ่งมันเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในสมัยนี้.มันหาง่ายเพราะมันอยู่ถัดจากถนนหลักAewol,ยังมีหลังคาที่ตกแต่งด้วยสีม่วง.มันน่าสนใจ,ร้านสวยๆที่สามารถหาได้แม้จากที่ไกลๆ.
ถ้าคุณหาร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในAewol, 'Anther'จะโชว์ขึ้นมาบ่อยๆ.เหตุผลแรกเพราะมันทำให้นักท่องเที่ยวชอบโดยการตกแต่งของบ้านโบราณของเจจู.
ในเดือนมิถุนายน,เกาะเจจูมีดอกไฮเดรนเกียบานที่นู่นที่นี่.สวนเล็กๆใน Antherก็ยังเต็มไปด้วยดอกไฮเดรนเกีย.
ผมยุ่งกับการเข้าไปในร้าน,ดูดอกไม้ในสวนสวยๆที่ตกแต่งสถานที่.
ในตอนนี้ที่เจจูมีร้าานอาหารที่มีสไตล์เยอะและร้านกาแฟในรสชาติแบบสมัยใหม่.แต่ผมเดาว่าในบ้านเก่าๆของเจจูอย่าง'Anther' จะให้ความรู้สึกว่าเที่ยวมากกว่ากนในอาคารที่ดูคล้ายกับเมือง.
หลังคานั้นสร้างต่ำ,เหมาะสมกับอากาศที่ลมแรงของเจจู.ด้านในก็ยังตกแต่งอย่างน่ารัก.สถานที่นั้นเคยเป็นบ้านมาก่อน,ซึ่งมันถูกแบ่งเป็นห้องเล็กๆสามห้อง,แทนที่ห้องกินข้าว.ซึ่งสำหรับผู้มาเยือนก็จะกินได้อย่างสบาย.
นี่เป็นที่ที่เรานั่ง.ห้องอื่นมีสองโต๊ะ,ซึ่งมีสองกลุ่มในหนึ่งห้อง,แต่แค่ห้องเราที่มีโต๊ะเดียว,ซึ่งผมก็มีมื้ออาหารที่สบายกับภรรยาผม.
นี่เป็นเมนูของ'Anther'.เมนูนั้นไท่หลากหลาย,มันมีแค่สามรายการ:bibimbap ผัก, perilla Sujebi, ชุดซอสถั่วบด ssambap.ตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ,คนไม่สามารถกินอาหารที่มีราคาน้อยกว่าหนึ่งหมื่นวอน.แต่ที่นี่'Anther', นักท่องเที่ยวสามารถกินอาหารเกาหีดั้งเดิมด้วยเงินหนึ่งหมื่นวอน,อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำไมมันมีชื่อเสียง.อย่างหนึ่งที่ไม่ธรรมดาคือชุด ssambap ที่สามารถสั่งได้สำหรับที่เดียว,ซึ่งนักท่องเที่ยวเจจูที่มาคนเดียวสามารถกินอาหารอย่างเดี่ยวๆได้.เราสั่งชุดซอสถั่วบด Soybeanที่มีชื่อเสียงสำหรับสองคน.
สิบนาทีหลังจากที่สั่ง,แพนเค้กกับสลัดผักก็มา.สำหรับอาหารตะวันตก,นี่อาจจะเป็นอาหารว่าง!!!ผักที่กรอบและความหวานของแพนเค้กทำให้ผมหายหิวและเพิ่มความอยากกิน.
นี่คือชุดซอสถั่วบดssambap สำหรับสองคน.นีเราเรียกว่าความสุขของหนึ่งหมื่นวอน!!!ด้วยเงินหนึ่งหมื่นวอน,Japgokbap, Bulgogi หมู, เป็ดรมควัน,ซอสถั่วบด,มิโซะ ซุป,และเครื่องเคียงอีก11อย่างก็ถูกเสริฟ.อาหารทั้งหมดถูกจัดวางอย่างดีในจาน,และผมก็รู้สึกดีที่เขาบอกว่าจะเสริฟอีกในทีหลัง.
อาหารจานแรกที่ผมสนใจคือ Bulgogiหมู.หมูเจจูนั้นหมักซอสถั่วเหลืองและเพิ่มพริกหั่น.เพราะว่าพริกนั้นเผ็ด,อย่าลืมบอกให้เด็กๆเอามันออกก่อนเพื่อความปลอดภัยในการกิน.
เอาเนื้อใส่ผักกาดและเข้าปากในหนึ่งคำกทำให้ผมคิดว่ากินอาหารอร่อยๆในที่ที่วิวดีเป็นการท่องเที่ยวที่ดีจริงๆ.
เนื่องจากชื่อเมนูบอกว่าชุดซอสถั่วบดssambap ,นี่เป็นซอสถั่วเหลืองหลัก.เพราะถั่วได้ถูกทอดในหม้อ,มันมีความหอมมากกว่า.
ผมไม่รู้ว่ามันพึ่งคิดค้นตรงๆหรือซอสถั่วเหลืองเจจูนั้นมีต้นกำเนิดแบบนี้,ยังไงก็ตามซอสถัวเหลืองไม่เค็ม,ผมกินด้วยการห่อด้วยผักตลอด.
โดยปกติวัฒนธรรมการกินอาหารเกาหลีมีเนื้ออย่างเดียวที่เสริฟ,แต่ที่นี่Bulgogi หมูและเป็ดรมควันออกมาพร้อมกัน,จนถึงตอนนี้เนื้อทั้งสองทำให้มื้อนี้น่าพอใจ.
นี่เป็นสตูว์ถั่วกับเต้าหู้และผัก.ถั่วบดนั้นไม่เค็มและมันก็สดชื่นและน่าสนใจ.
และนี่เป็นสมุนไพรปรุงรส,ซึ่งอร่อยในหมู่ของเครื่องเคียงทั้ง11อย่าง.รสชาติที่เข้มของสมุนไพรมันยากที่จะพบที่ไหนด้านนอกภูเขาของGangwon,ซึ่งมันสร้างความรู้ส฿กใหม่ๆในการกืนที่ชายหาดเจจูนี้.
และผมลองซูชินี่ทอดกับไข่คนเป็นครั้งแรก,และมันก็เป็นเครื่องเคียงที่อร่อยถ้าผสมกับซอสถั่วเหลือ.
