โรงแรม Nine
ในทริปนี้,เราวางแผนที่จะไปสองที่,Pocheonและ Namyangju. เราผลักดันให้พวกเราไปที่ Pocheon ในตอนเช้าและเราจะไปที่ Namyangjuพรุ่งนี้.
ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะพักที่โรงแรม Nineใกล้กับ Pocheon และ Namyangjuซึ่งเราสามารถที่จะเริ่มวันในตอนเช้าๆในวันพรุ่งนี้.
เมื่อเราไปถึงที่โรงแรม,มันเป็รเวลาห้าทุ่มแล้ว.เราไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงที่เราไม่ได้จองดังนั้นเราจึงค่อนข้างกังวลที่มันอาจจะไม่มีห้อง.เพราะมีโรงแรมแค่สองสามแห่งหรือโมเทลแถวๆNamyangju, ส่วนใหญ่เป็นบ้านพัก,ซึ่งถ้าไม่มีห้อง,เราต้องออกไปและไปยังGuri.
เหมือนเราลองโชค,เราไปที่ยังทางเข้าของโรงแรมNine.มันบอกว่าโรงแรมเป็นหนึ่งในโรงแรมที่Good Stay(www.goodstay.or.kr) จัดโดยองค์การท่องเที่ยวแห่งเกาหลีที่ตรงทางเข้า..
ตอนที่เราแจ้ง,ขอบคุณพระเจ้าพวกเขามีห้องว่าง.แต่ไม่มีห้องพิเศษเพราะมันเป็นเวลาดึกและมีเหลือเพียงห้องเดียว.
เราถามถึงห้องพิเศษและพวกเขาบอกว่ามันต่างกันที่ขนาดของห้อง.มันดึกแล้วเราจึงไม่ทางเลือกแต่ขึ้นไปยังที่ชั้นหกเพื่อไปยังห้องที่เหลือ.
โถงทางเดินตกแต่งด้วยหินอ่อนดูหรูหรา.แสงไฟนั้นมืดแตายังไงซะ....เท่าที่เราต้องการคือที่พัก.
ในที่สุดเราก็มาถึงห้อง.ทันทีที่เราเปิดประตูผ่านทางเข้า,พื้นที่นั้นค่อนข้างเล็กแตาเรียบร้อย.พวกเขาต้องทำความสะอาดดีเพราะผมไม่ได้กลิ่นบุหรี่ซึ่งมันค่อนข้างสะอาด.
ห้องน้ำในห้องก็สะอาดและของใช้ที่ตรงด้านหน้ากระจกก็เรียงไว้เป็นแถว.
และผ้าเช็ดตัวที่เรียงไว้ที่ผนัง.หนึ่งผืนใหญ่และขนาดกลางเหมือนกับหอ.ผมไม่ได้ภูมิใจกับมันแต่ผมตั้งใจที่จะใช้ผ้าสองสามผืนเมื่อผมอาบน้ำซึ่งผมชอบวิวแบบนี้.
ชุดสีฟ้าและสีชมพูแพ็คไว้อยู่บนโต๊ะ.สิ่งเหล่านี้ปกติไม่มีในห้องธรรมดา.ผมเดาว่าเราคงได้รับการบริการพิเศษ?
จริงๆแล้วเราได้บริการพิเศษที่อื่นๆด้วย.พวกเขาต้องรู้สึกสงสารที่พวกเขาไม่มีห้องพิเศษเพราะพนักงานคนหนึ่งเอาเครื่องดื่มมาให้10นาทีหลังจากที่พวกเราเข้าห้อง.ขอบคุณ~.
ผลิตภัณฑ์ใช้แล้วทิ้งวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง.และในตู้เย็นเล็กๆใต้โต๊ะก็เต็มไปด้วยเครื่องดื่มและน้ำดื่ม.
และกาแฟหลายชนิดบนโต๊ะ.มีกาแฟเดนิชสี่อย่าง,ซึ่งแพง.มันเหมาะสำหรับเช้าวันถัดไปมาก.
ด้านอกหน้าต่าง,มันคือใจกลางเมือง.เราเห็นโรงหนังล็อตเต้อยู่ตรงหน้า.บวกกับ,สิ่งที่เราเห็นมาทั้งวันคือธรรมชาติและอาคารเตี้ยๆใน Pocheonดังนั้นเราจึงค่อนข้างดีใจที่เห็นตึกสูงๆเหล่านั้น.
เราจัดของและไปยังร้านกาแฟเล็กๆชื่อ Coffeejib Ohudusi( บ้านกาแฟ,บ่ายสอง)ที่ด้านหน้าของโรงแรม.ไม่เหมือนชื่อ,มันเป็นเวลาราวๆเที่ยงคืนซึ่งมันเกือบที่จะปิด.
เราสามารถที่จะดื่มกาแฟในห้องได้แต่เราประหยัดเงินแล้วจึงมาที่นี่แต่ราคาดูเหมาะสมกว่าที่เราคาดไว้.
เนื่องจากเรามีที่พักแล้ว,เราลืมไปว่าเราหนาวมาตลอดทั้งวัน,เราสั่งบลูเบอรี่โยเกิร์ตเย็น.และเนื่องจากเป็นลูกค้าคนสุดท้าย,เราดื่มเครื่องดื่มและกลับไปนอนที่โรงแรม.
แผนที่ : link
ที่อยู่ : 1082-4, Geumgok-ri, Jinjeop-eup, Namyangju-si, Gyeonggi-do
โทรศัพท์ : 031-571-0630
เวลาทำการ : ไม่มีวันหยุด
ราคา : ห้องธรรมดา 45,000 วอน(สุดสัปดาห์50,000 วอน) / ห้องพิเศษ 55,000 วอน(สุดสัปดาห์ 60,000 วอน)
พิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรีPraum
ในที่สุดวันที่สองของทริปไปยัง Pocheon/Namyangjuก็เริ่ม.เราอยากที่จะมีเช้าที่สดใสแต่อากาศนั้นไม่ค่อยดี.
เราต้องออกมาที่ถนนหลักและมองรอบๆสถานที่เงียบๆจากตอนนี้.และจุดหมายแรกนั้นค่อนข้างไกลซึ่งเราต้องรีบ.
หนึ่งชั่วโมงในรถบัสจากโรงแรม,เราก็มาถึงที่ที่หนึ่งที่แม่น้ำ Hanไหลอยู่เบื้องหน้า.แล้วผู้คนก็เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ก็ผ่านไปด้วยเสียงดังๆ.ผมแค่....รู้สึกอิจฉาคนเหล่านี้.
เหตุผลที่เรามาที่นี่เพราะพิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรีPraumแห่งนี้.
ภรรยาผมชอบดนตรีดังนั้นเธอจึงอยากที่จะมาที่นี่ซักครั้ง.พิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรีPraumมีอยู่สองอาคาร,อาคารหนึ่งสำหรับพิพิธภัณฑ์และอีกอาคารหนึ่งเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำ Han.
พิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรีนี้มีเครื่องดนตรีหลายชนิดจัดแสดงซึ่งเป็นที่รักของผู้คนที่สนใจในดนตรีหรือเคยมาเมื่อตอนเป็นเด็กซึ่งเคยสงสัยเกี่ยวกับดนตรี.
ทันทีที่เรามาถึงที่ล็อบบี้,มีพร็อพที่เกี่ยวกับดนตรีและorgels ก็อยู่ตามผนัง.นี่เป็นห้องนิทรรศการแต่มีเครื่องดนตรีเล็กๆขายด้วย.
มีของน่ารักหลายๆชิ้นเมื่อเรามองใกล้ๆ.orgel หมุนเล็กๆนี้น่าจะดีสำหรับเบบี้.
หลังจากซื้อตั๋วที่ล็อบบี้,เราเริ่มทัวร์จากทางเดินเล็กๆที่ด้านขวา.สิ่งแรกที่เราเห็นคือรูปของคอมโพสเซอร์กับเก้าอี้เหมือนกับบีโธเฟนและโมสาร์ธ.ดูจากที่นักท่องเที่ยวถ่ยรูปกับสิ่งนี้มาก,มันคือโซนถ่ายรูป.อย่างไรก็ตาม,มันรบกวนผู้อื่นเนื่องจากมันเป็นทางเข้า.
ในที่ใหญ่ๆนี้,มีงานศิลปะที่เด็กทำที่เคยมาที่นี่.ไวโอลินทำจากกระดาษนั้นน่าประทับใจ.
หลายๆมุมที่ช่วยเด็กๆที่สนใจดนตรีหรือเครื่องดนตรี.เราสามารถที่จะวาดเครื่องดนตรีบนโต๊ะ,ซึ่งเรืองแสง.
และคุณสามารถที่จะแสตมป์รูปแสตมป์ที่เป็นเครื่องดนตรีต่างๆหรือสร้างมันในห้อง.หรือคุณสามารถทำเครื่องดนตรีต่างๆในรูปแบบต่างๆใช้เลโก้ในห้องเลโก้.
พวกเขาอาจจะไม่ได้ทำมันอย่างละเอียดเหมือนโมสาร์ธหรือบีโธเฟนบนผนังแต่มันก็เพียงพอที่จะดึงดูดเด็กๆ.
และการวาดรูปเมจิกที่เคยเป็นที่นิยมก็แขวนอยู่บนผนังด้วย.คุณสามารถที่จะถ่ายรูปที่น่าสนใจโดยใช้กล้องลวงตา.
แบบนี้.ที่นี่มีข้อได้เปรียบสำหรับเด็กๆที่สามารถที่จะเรียนดนตรีในรูปแบบที่น่าสนใจที่นี่ที่ซึ่งมีหลายที่ที่ดึงความสนใจเด็กๆแถวๆทางเข้า.
บวกกับมีการเรียนที่โดเด่นเนื่องจากมันแสดงถึงประวัติของเครื่องดนตรีหรือเพลงด้วย.ผมได้ยินว่านั่นทำไมเด็กๆถึงมาที่นี่บ่อยๆ.
มีสนามหญ้าที่เตรียมไว้อย่างดีและแม่น้ำHan แผ่ขยายอยู่ตรงหน้าต่างของอาคาร.น่าเสียดาย,สวนนี้ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้จากพิพิธภัณฑ์เนื่องจากมันเป็นของร้านอาหาร.
และมีคอมเม้นเกี่ยวกับเพลงบนแก้วด้วย.มันมีเทคนิคควบคุมขึ้นอยู่กับบีท.
มีชุดสำหรับเด็กที่พวกเขาสามารถที่จะใส่ได้,ปีนขึ้นไปบนเวทีและควบคุมเอง.
มีเปียโนที่ทำเสียงเมื่อคุณเหยียบมัน.มันทำเสียงเปียโนใหญ่ๆเมื่อพวกเขาเหยียบมัน,มันทำเสียงค่อนข้างใหญ่ซึ่งทำให้คนปวดหัวบางครั้ง.
เราสามารถที่จะเล่นเครื่องดนตรีบนผนังแก้วเริ่มจากเท้าเปียโน.เครื่องดนตรีหลายชนิดรวมถึงไซโลโฟน,เปียโน,กลอง,และฟลุ๊ทก็ถูกจัดแสดงไว้.
ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดนตรีเลยแต่เมื่อผมเห็นพวกมันในทีวี,ผมก็อยากที่จะสู้เด็กพวกนั้นได้ซักครั้งสองครั้ง.
กระดิ่งมือที่แต่ละสีก็มีเสียงที่ต่างกันเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดสำหรับผมเนื่องจากผมคิดว่าเสียงกระดิ่งทำให้คนมีความสุข.บวกกับ,มันยังไงซะทำให้ผมนึกถึงกระดิ่งอาหารกลางวัน.
มีอันที่ยุ่งยากอย่างกลองหรือเปียโนแต่พวกที่เล่นง่ายๆก็จะเป็นที่นิยมสำหรับเด็กๆ.
ถ้าคุณสนุกกับเครื่องดนตรีพอแล้ว,มันก็ถึงเวลาเรียนประวัติศาสตร์ของมัน.ผมพนันว่าพิพิธภัณฑ์มีเครื่องดนตรีแบบคีย์บอร์ดมากที่สุด.
ในห้องจัดแสดงหลักนี้,มีเปียโนรูปแบบต่างๆ.แต่คุณจับไม่ได้เหมือนกับอันที่ห้องกิจกรรม.
ภรรยาของผมว้าวทุกครั้งที่เห็นเปียโนเนื่องจากเธอจำพวกมันได้แต่ผมเป็นเหมือนคนนอก,เท่าที่ผมได้ "ว้าวคือเปียโนสองชั้นอันนี้".
หรือ "ว้าวอันนี้เล็กจัง.ว้าวอันนี้ทำจากไม้",และนี่ก็คือท่าทางของผมเท่านั้น.ผมเดาว่าคนแก่ๆบอกว่าคุณเห็นได้เท่าที่คุณรู้นั้นถูกต้อง.ตามที่เธอว่า,มีเปียโนที่มีชื่อเสียงมากมายจัดแสดงที่นี่.
มันเป็นเปียโนที่หายากจริงๆ.แต่ที่ผมบอกว่าผมจำมันไม่ได้เพราะผมไม่คุ้นเคยถึงความแตกต่างของพวกมัน.
ไม่เพียงแค่มีเปียโนเก่า,มันยังมีคำอธิบายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโครงสร้างของเปียโน.โชคดีที่,ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับมันสองสามวันก่อนซึ่งผมก็มีความสุขทุกครั้งที่ผมเห็นคำที่ผมรู้.
ในแก้ว,มีโมเดลของแกรนด์เปียโนอยู่กับคำอธิบายเกี่ยวกับว่าเปียโนทำเสียงยังไงเมื่อคนเล่นจับคีย์บอร์ด.มันเพียงพอสำหรับเด็กๆและผมคนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย.
เมื่อคุณผ่านเปียโนที่จัดแสดง,คำอธิบายจบและอีกคำอธิบายเกี่ยวกับเครื่องดนตรีสายเริ่ม.
บนผนัง,มีกีต้าร์ทั่วๆไปเช่นเบส,อิเล็คโทรนิคและกีตาร์อคูสติครวมถึงอันที่หายาก.
อันนี้เรียกว่าฮาร์พ ซิทเทอร์ที่ดูเหมือนของโบราณแต่มันสวยที่สุดในหมู่เครื่องดนตรีสายที่เคยใช้ในเยอรมันนีในปี1900.
เมื่อถึงคำอธิบายเกี่ยวกับการทำเสียง้วยเครื่องดนตรีสายเกือบที่จะจบ,อีกคำอธิบายหนึ่งเกี่ยวกับเครื่องดนแบบเป่าที่คุณทำเสียงเมื่อคุณเป่ามันด้วยปากของคุณก็เริ่มขึ้น.
Danso ( ฟลุ๊ทไม้สั้น) หรือเรคอร์ดเดอร์,เครื่องดนตรีแบบเป่าชนิดหนึ่ง,ซึ่งใช้ในโรงเรียนเมื่อตอนที่คุณเป็นเด็ก.แต่ถึงแม้ว่ามันจะมีรูปร่างที่คล้ายกัน,มีประเภทอยู่หลายประเภทขึ้นอยู่กับรูปร่างหรือขนาด.
แม้แต่ฟลุ๊ท,มีชนิดต่างๆที่ทำเสียงต่างกัน.ในหมู่นั้น,อันที่ทำจากไม้ตรงมุมขวาล่างเรียกว่าBaroque Traverso ใช้ในปี 1635ที่ดูเหมือน Daegeum (เครื่องดนตรีเกาหลีโบราณ) หรือSogeum ในภาคตะวันออก.
เครื่องดนตรีแบบเป่าที่ทำจากทองเหลืองที่เป็นที่รู้กันว่าคือทรัมเป็ต หรือฮอร์นในรูปร่างต่างๆที่ดูเหมือนชิ้นงานศิลปะ.ผมหวังว่าผมจะได้ยินเสียงแต่ก็ไม่มี,น่าเสียดาย.
แทนที่,ขั้นตอนและการประกอบของเครื่องดนตรีแบบเป่านั้นก็ได้ถูกอธิบายไว้อย่างละเอียด.แม้แต่แผนผังของมัน.
และขั้นตอนการทำเครื่องดนตรีสายที่เราเห็นมาก่อนหน้านี้ก็ได้ถูกอธิบายไว้เป็นขั้นเป็นตอน.มันยากที่จะเห็นไวโอลินไม่ต้องพูดถึงว่าไวโอลินที่ทำจากไม้สีขาวที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต.
เพียงแค่นึกถึงต้นไม้นั้นถูกตัดและขัดโดยช่างไม้เปลี่ยนมันสู่ไวโอลินที่สวยงามและเชลโลและทำเสียงเมื่อเจอมือของผู้เล่นที่ทำให้ผู้คนมีความสุข,ดนตรีที่เล่นบนถนนก็เป็นผลผลิตจากความพยายามและหยาดเหงื่อของผู้คน.
หลังจากที่เห็นขั้นตอนในการผลิตเครื่องดนตรี,เราเดินตามบันไดที่แชนเดอเลียสวยๆขึ้นไปข้างบน.เราไม่สามารถที่จะละสายตาออกจากภาพวาดของคอมโพสเซอร์ที่แขวนอยู่บนผนังได้เลย.
เดินตามราวบันไดที่สวยงาม,คุณจะรู้สึกเหมือนคุณอยู่ในปราสาทของราชวงศ์ในยุโรป.และคุณก็จะเข้าสู่เพลงโอเปร่าก่อนที่คุณจะรู้สึก.
ทันทีที่คุณขึ้นไปที่ชั้นสอง,จะมีต้นคริสต์มาสสูง 3-4mอยู่ตรงหน้าของคุณ.ดนตรีคลาสสิคกับต้นไม้ที่วิบวับ.เรารู้สึกแปลกๆเหมือนว่าเป็นช่วงคริสต์มาส.
นี่จะต้องเป็นที่นิยมตอนนี้แน่ๆ.มีการ์ดเมมโมสวยๆบนโต๊ะเล็กๆข้งบันไดสำหรับผู้มาเยี่ยมชมเพื่อที่จะเขียนคำอธิษฐานและแขวนบนต้นไม้.
มันดูเหมือนว่ามันมีอยู่ร้อยคำอธิษฐานแล้ว.เราแขวนคำอธิษฐานของเรา,จริงๆแล้วซ่อนมันไว้ซักแห่ง.ขอให้ความหวังเราเป็นจริง~!!
มีอีเวนท์พิเศษซึ่งถ้าเราเขียนคำอธิษฐานลงและแขวนมันไว้,พวกเขาก็จะจับผู้ชนะและให้ของขวัญ.ก็เราอยู่ที่นี่แล้ว,ทำไมเราไม่ลองอธิษฐานและขอให้ชนะดู?
เราขอของเล่นทหารที่ป้องกันต้นคริสต์มาสให้เป็นของรางวัลที่จัดขึ้นที่ชั้นสอง.
ชั้นสองนั้นมีเวทีที่ค่อนข้างใหญ่ตรงกลาง.พวกเขามีการจัดแสดงและคอนเสิร์ตบ่อยๆและเมื่อไม่มี,เขามีวิดีโอที่มีชื่อเสียงไปเรื่อยๆ.ดังนั้นเสียงดนตรีที่ได้ยินเสียงนั้นมาจากที่ชั้นสองนี่เอง.
โชคดี,เราสามารถที่จะสนุกกับทัวร์ขณะที่เราฟังเพลง.มันค่อนข้างแตกต่างจากชั้นแรก.มันทำให้เรารู้สึกเหมือนเราอยู่ในพิพิธภัณฑ์ดนตรี.
สิ่งของชิ้นเล็กๆที่เกี่ยวข้องกับดนตรี.ตั้งแต่อันที่ดูเหมือนนักดนตรีและนักร้องในนิทาน,พวกเขากำลังร้องและเล่นดนตรี.
และโน๊ตดนตรีที่ดูเหมือนเป็นรูปแบบหรูหราเมื่อพวกเขาจัดแสดงกับของโบราณ.มีสิ่งของหลายชิ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับดนตรี.
รูปเก่าๆและเบตองและสิ่งอื่นๆ...ชั้นที่สองมีสิ่งของหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับดนตรีมากกว่าที่ชั้นแรก.แน่นอนในที่ด้านหลัง,มีเครื่องดนตรีขนาดใหญ่ที่ไว้ที่ชั้นหนึ่งไม่ได้.
มีฮาร์โมนิก้าที่ค่อนข้างแตกต่างจากอันที่ผมเคยใช้ตอนเป็นเด็ก.เป็นฮาร์โมนิก้าหกด้านที่มีหลายคีย์ที่ใช้ในระยะต่างๆ.
ไวโอลินชื่อสตาร์ดิวาเรียสที่ผมอาจจะเยได้ยินในเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิคก็ได้ถูกจัดแสดงไว้.ไวโอลินชิ้นเอกกับประวัติที่ยาวนานที่สลักไว้ไว้ในกล่องดนตรีและมันก็แพงมากๆเท่าที่ผมรู้.
พวกนี้คือฮาร์พที่โดยปกติเห็นในเรื่องเล่าหรือนิทาน.จริงๆแล้ว,ผมไม่รู้ว่ามันจะใหญ่มากจนได้มาเห็นที่นี่.ผมสงสัยว่าเสียงมันจะเป็นยังไงเนื่องมันใหญ่เท่ากับคนแต่มันน่าเสียดายที่เราดูได้ผ่านกระจกเท่านั้น..
และมีโน๊ตดนตรีของDon Giovanni, เพลงโอเปร่าโดยโมสาร์ท.แน่นอนมันคงไม่ใช่ของแท้แต่ถึงอย่างนั้น,มันก็ทำให้เรารู้สึกตื้นตันและคุ้มค่า.
เพลงตพวันตกแน่นอนเป็นส่วนใหญ่ในวัฒนธรรมดนตรี.ดังนั้นนิทรรศการส่วนใหญ่ที่นี่เกี่ยวกับคอมโพสเซอร์ชื่อดังในประเทศแถบตะวันตก.
ในมุมหนึ่งที่ชั้นสอง,มีของที่เป็นของหนึ่งในคอมโพสเซอร์เกาหลี.นี่เป็นร่องรอยของLee Heung-ryeol ผู้ที่ควบคุมเพลง SeomjibAgi(เกาะเบบี้) ที่เริ่มด้วย " ขณะที่แม่ไปยังเกาะชายหาดเพื่อไปเก็บหอยนางรม" และ เอฟเฟ็คชั่นที่เริ่มด้วย " เธอลืมความเจ็บปวดที่เธอเคยมีเมื่อเธอคลอดฉัน".
เปียโนที่เขาเคยใช้ก็ถูกจัดแสดงไว้ที่นี่.ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับการบันทึกทางประวัติศาสตร์แต่เขาเป็นที่รู้จักกันว่าชูเบิร์ทชาวเกาหลีเนื่องจากเป็นการผสมเพลงเกาหลีสมัยใหม่ในฐานะผู้แต่งเพลงและผู้ควบคุมเพลง.
ผมหวังว่าจะมีคนสนใจในเพลงมากขึ้นในด้านดนตรีและมีนักดนตรี นักแต่งเพลงมากขึ้นที่นี่.
ก่อนที่เราจะรู้,เราดูรอบๆจนทั่วและกลับมาที่ล็อบบี้.มันค่อนข้างเล็กสำหรับพิพิธภัณฑ์แต่ผมว่ามันใหญ่สำหรับพิพิธภัณฑ์ที่มีธีมเดียว,ดนตรีและเครื่องดนตรี.
มันนำเสนอหลายอย่างและกิจกรรมแก่ผู้มาเยี่ยมชมซึ่งแม้ว่าคุณจะไม่ได้ลงทุนในเรื่องดนตรี,คุณก็จะสนุกกับมัน.บวกกับของตกแต่งเล็กๆในส่วนอื่นๆของพิพิธภัณฑ์.
พิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรี Praumนี้คุ้มที่จะมาเที่ยวสำหรับผู้ที่สนใจในดนตรีหรือคนที่มีลูก.บวกกับ,มันมาได้ทั้งทางรถไฟใต้ดินจากโซลและการมาเที่ยวแบบเล็กๆที่นี่จะทำให้ชีวิตคุณสนุกขึ้น.
ข่าวดี~!!!!
สองสามวันหลังจากที่เรามาพิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรี Praum,เราก็ได้รับข้อความ.
ท้า-ด้า~!!!เราได้รางวัลที่หนึ่ง!!!!
ซึ่งน้อยกว่าหนึ่งเดือนหลังจากที่เราไปครั้งแรก,เราเอาหลานสาวและหลานชายไปที่พิพิธภัณฑ์ในตอนบ่ายในสุดสัปดาห์หนึ่ง.และเราก็ได้รับรางวัล.
ของรางวัลในกล่องไม้นั้นคือ orgelสวยๆที่ดูเหมือนฮาร์พสีทอง. ฮาร์พหมุนช้าๆทำเสียงเพราะๆ.ถึงแม้มันจะเป็นของหลานชายของเรา,ข่าวนั้นดีพอสำหรับเรา.
แผนที่ : link
ที่อยู่ : 504-13, Dogok-ri, Wabu-eup, Namyangju-si, Gyeonggi-do
โทรศัพท์ : 031-272-7000
เวลาทำการ : วันธรรมดา 11:00~18:00 / สุดสับดาห์ 10:00~18:00 (ปิดวันจันทร์ )
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 5,000 วอน (ฟรีสำหรับอายุ 65+) / ผู้เยาว์4,000 วอน / เด็ก 3,000 วอน
เว็บไซต์ : website