กาแฟฮาร์เบอร์
ทางตอนใต้ของNamyangjoo,ซึ่งเป็นชายแดนระหว่างYangpyeong และPocheon,คือที่ที่แม่น้ำ Bukhanจาก Gangwon-do และแม่น้ำ Namhan ตัดผ่านChungcheon-do เข้าร่วมกับแม่น้ำHan ที่ตัดผ่านโซล.
ซึ่งมีทิวทัศน์ที่น่าประทับใจที่สร้างจากแม่น้ำที่นี่.ในฤดุร้อน,ที่นี่กลายเป็นสวรรค์สำหรับกีฬาทางน้ำหรือขับรถเล่นใกล้ๆโซล.
ดังนั้นชาซักถ้วยขณะดูแม่น้ำ Hanก็พลาดไม่ได้.ดังนั้นนอกจากตารางเวลาแน่นๆ,เรามุ่งหน้าไปที่กาแฟฮาร์เบอร์,ร้านกาแฟใกล้กับแม่น้ำ Bukhan.
ที่นี่ตั้งอยู่ในYangpyeong-gun ตรงข้ามกับแม่น้ำในNamyangju และมันไม่ได้มีชื่อเสียงแต่มีข้อได้เปรียบที่มันมีหน้าต่างแทนที่จะเป็นผนังหันหน้าเข้าสู่แม่น้ำ Bukhan.
โต๊ะไม้และเก้าอี้นั้นถูกตั้งอยู่ทั่วไปในอาคารซึ่งลูกค้าสามารถที่จะดูแม่น้ำได้ในทุกๆที่.แต่เพื่อวิวที่ดีขึ้น,เรานังตรงหน้าต่าง.
เมนูบนโต๊ะเล็กๆบอกว่า บริการตัวเอง.แต่ก็ยังมีราคาค่อนข้างแพงจากอเมริกาโน่ราคา6,000 วอน.เดาว่ามันเป็นราคาสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคิดค่านั่งด้วย.
ก็,คิดถึงข้อได้เปรียบที่เราสามารถคุยขณะดูแม่น้ำ Bukhanและหลีกเลี่ยงลมหนาวด้านนอก,มันคุ้มนะผมว่า.โดยเฉพาะ,ที่นี่เหมือนสวรรค์สำหรับคนที่เดินทางโดยใช้พาหนะสาธารณะเหมือนเรา.
เราได้กาแฟที่สั่ง.ไม่มีอะไรแตกต่างมากเทียบกับกาแฟจากร้านซื้อกลับทั่วๆไป.มันยังเป็นเวลาอาหารกลางวันแต่เรายังไม่ได้กินข้าวดังนั้นมันจึงเป็นกาแฟตอนเช้าสำหรับเรา.
น่าเสียดายที่กลิ่นของกาแฟนั้นไม่ค่อยมี.ผมอยากได้บางอย่างที่แรงกว่ากาแฟนุ่มๆแต่มันก็ไม่ได้มาตรฐานที่ผมตั้งไว้.
อย่างไรก็ตาม,จิบกาแฟขณะที่มองดูคลื่นของแม่น้ำ Bukhanภายใต้หน้าผาตรงด้านล่างผนังกระจกของร้านกาแฟไม่ใช่เพียงแค่กาแฟ,ผมกำลังดื่มด่ำบรรยากาศที่น่าประทับใจ.บวกกับ,เราสามารถสนุกกับรูปที่ถ่ายไว้สองวันก่อน.
ร้านกาแฟฮาร์เบอร์,ตั้งอยู่ใต้สะพานSeojong บนทางด่วนที่เชื่อมต่อโซลและChuncheon, ตรงกันข้ามกับน้ำตกเปียโน,จุดน่าสนใจของNamyangju, และสตูดิโอNamyangju ซึ่งคุณควรที่จะแวะแทนที่จะทำให้มันเป็นจุดหมายซึ่งคุณสามารถที่จะอร่อยกับกาแฟและพักผ่อนขณะดูคลื่นเย็นๆ.
แผนที่ : link
ที่อยู่: 593-2, Munho-ri, Seojong-myeon, Yangpyeong-gun, Gyeonggi-do
โทรศัพท์ : 070-4402-2060
ราคา : อเมริกาโน่6,000 วอน / ลาเต้, คาปูชิโน 4,500 วอน / อาฟโฟกาโต9,000 วอน / ลาเต้ชาเขียว, โกโก้7,000 วอน.
สตูดิโอ คอมเพล็กซ์Namyangju
ไม่นานมานี้สถานีรถไฟใต้ดินได้ถูกสร้างขึ้นซึ่งเชื่อมต่อเมืองหลวงไปยังพื้นที่ใกล้ๆใน Gyeonggi-do, Chuncheon ใน Gangwon-do, Namyangjuและแม้แต่ไปยังYangpyeong. อย่างไรก็ตาม,ยังมีชื่อสถานีที่คุณยังไม่คุ้นเคย.
สถานีที่เราไปเรียกว่าสถานี Ungilsan,ซึ่งเราได้ยินไม่มากเท่าไหร่.เหตุผลที่เรามาที่นี่เพราะเราอยากไปที่สตูดิโอ คอมเพล็กซ์Namyangju,สถานที่ที่น่าสนใจที่สุดในNamyangju.
มันตั้งอยู่ในสถานที่ที่มีพาหนะสาธารณะไม่มากดังนั้นทางที่ง่ายที่สุดคือการขึ้นรถบัสที่ลานจอดรถตรงด้านหน้าของสถานี Ungilsan,หนึ่งในสาย Gyeongui-Jungang.
น่าเสียดาย,มีเพียงแค่4-5 คันต่อวันที่นี่และเวลาก็เปลี่ยนบ่อยๆขึ้นอยู่กับฤดูซึ่งคุณควรที่จะเช็คเว็บไซต์ก่อนล่วงหน้า.
รถบัสยังให้บริการฟรี,พวกเขาสามารถที่จะให้ส่วนลด500 วอนเมื่อคุณใช้รถบัส.ดังนั้นถ้าคุณมาทันเวลา,คุณก็จะได้ประหยัดเงิน.
รถบัสนั้นดูเก่าแต่ด้านในสะอาด.บวกกับคนขับรถก็ใจดีมาก.มันห่างไปแค่10นาทีแต่เราก็เล่าเรื่องราวให้กันฟังและเขาบอกผมว่าควรจะไปที่ไหน.
หลังจากคุยกันนิดหน่อยเราก็ถึง.ทางเข้าของ สตูดิโอ คอมเพล็กซ์Namyangju.ยังมีหนทางอยู่ไกลขึ้นไปทางหุบเขา.ถ้าคุณมาที่นี่ด้วยรถประจำทาง,ไม่ใช่ชัทเติ้ลบัส,คุณจะต้องปีนขึ้นจากตรงนี้.ดังนั้นถ้าคุณต้องขึ้นชัทเติ้ลบัสหรือเอารถมาเอง.
อาคารใหญ่ๆเริ่มที่จะโผล่มาตามภูเขาในตอนที่เรากำลังขึ้น.แต่อาคารในส่วนล่างๆของภูเขาไว้สำหรับถ่ายหนังรวมถึงถ่ายทำและจัดแต่งไม่เปิดให้แก่สาธารณะชน.
ในที่สุดก็มีที่ว่างสำหรับจอดรถและเราก็เห็นหมู่บ้าน Hanokที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ,รถไฟใต้ดินและสตูดิโอหนังอื่นๆ.เราต้องมาถูกที่แล้วล่ะ.
ตอนที่รถบัสหยุด,เราลาคนขับรถและซื้อตั๋วที่อ็อฟฟิศด้านหน้าของที่พัก.มันราคา2,500 วอนต่อหนึ่งคน.
เราตื่นเต้นนิดหน่อยถือตั๋วในเมือง...สถานที่นั้นใหญ่มากจนเราตัดสินใจไม่ได้ว่าดูที่ไหนก่อน.
สิ่งที่เราต้องการคือแผนที่ในตอนนี้.ดูแผนที่ที่ด้านหน้าของห้องขายตั๋ว,เราเลือกทที่จะมองจากด้านหลังจากด้านในสุดซึ่งมันจะเรียงกันเป็น D-C-B-E.
เพราะว่าคุณสามารถที่จะเห็นในรูป,สตูดิโอ Hanokดั้งเดิมของ Dนั้นอยู่ค่อนข้างสูง.บวกกับสถานที่นี้ 400,000 pyeong (ประมาณ1.3 ล้านตารางเมตร).
โอ้,ตายแล้ว....เราเจอสถานที่ถ่ายทำ Undang,สตูดิโอ Hanokดั้งเดิม,มันค่อนข้างไกลจากสตูดิโออื่น.เราต้องขึ้นไปที่กังหันลมเพื่อที่จะดู.
สตูดิโอ Undangคือหมู่บ้าน Yangbang ที่เต็มไปด้วยบ้านหลังคามุงกระเบื้องที่เคยใช้ในละครหรือหนังเรื่อง[Scandal], [The King And The Crown] และ [Hwang Jin Yi].
บอกไม่ได้ว่าเป็นปราสาทแต่ว่ามันมีประตูของสตูดิโอที่ยอดมากใช่มั้ย?บวกกับอาคารสมัยใหม่หรือสิ่งที่ไม่ปรากฎแถวๆนี้ทำให้เรารู้สึกเหมือนเรากำลังท่องอยู่ในอดีตผ่านไทม์ แมชชีน.
ทันทีที่เรามองข้ามกำแพงของสตูดิโอมีทางเดินสีเหลืองออกน้ำตาลเชื่อมต่อระหว่างอาคารกับหิมะทั้งสองขางของทางเดินมีสวนที่ค่อนข้างใหญ่เป็นสวนที่วุ่นวายนิดหน่อยแต่ไม่รู้ทำไมมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าพวกมันเป็นของจริง
คุณสามารถเห็นอาคารเหล่านีได้ว่าถูกสร้างด้วยความปราณีตจากลูกบิดประตูเล็กๆ
อาคารแรกที่เราเห็นนั้นใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุดในสตูดิโอนี้.เดาจากขนาดของมัน,มันคงเคยเป็นที่อยู่อาศัยของราชวงศ์.
รูปแบบของสไตล์,ปล่องไฟ,เสาหรือประตูเหมือนกับที่อาคารด้านนอกของพระราชวังGyeongbokgung.
ในตรงกลาง,มีพื้นที่เงาๆ.มันเจ๋งมากซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องใช้แอร์เพื่อที่จะนอนในหน้าร้อนแต่น่าเสียดายมันหนาวมากๆ.บวกกับ,เพดานนั้นสูงซึ่งมันหนาวแม้แต่เพียงแค่ยืนตรงนั้น.
ถ้าคุณมองใกล้ๆ,มีเสาเหล็กที่เชื่อมจากพื้นไปที่เพดานซึ่งสูงกว่าคนสองเท่า.นี่เป็นเพดานแบบดอร์นอบที่คุณสามารถพับประตูและแขวนไว้ที่นั่น,ซึ่งแสดงให้คุณเห็นความฉลาดของบรรพบุรุษเรา.
ดังนั้นถ้าคุณเห็น,ประตูบานพับระหว่างประตูและพื้นหลักมีลูกบิดในส่วนบนไว้สำหรับเปิดและปิดมัน.
ดังนั้นเมื่อมันปิด,ก็จะเป็นบ้านอุ่นๆที่ปกป้องเจ้าของจากอากาศหนาวและเมื่อมันเปิด,มันก็จะกลายเป็นศาลาเย็นๆ.
สตูดิโอ คอมเพล็กซ์นี้ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำแต่ผมเดาว่ามันยังเป็นบ้านที่คนสามารถที่จะอยู่ได้จริงๆ.แน่นอนนี่จะต้องมาจากละครหรือหนังแต่มีหม้อเหล็กในครัวและร่องรอยของไฟในที่จุดไฟ.
และที่ผนังในห้อง,มีสายไฟ,สายโทรศัพท์,และสายทีวีที่บรรพบุรุษเคยใช้(?)ในร้อยปีที่แล้ว.มันถูกเตรียมไว้สำหรับการถ่ายทำใช่มั้ย? ^^;
เข้าไปข้างในอีก,มีสองสามอาคารกับบรรยากาศต่าๆกันแต่ก็ยังเล็ก.มีหลายๆแบบ,บ้านกับราวบันไดสวยๆหรือบ้านที่มีบ้านพักแขกสวยๆซึ่งคุณจะเห็นคาแร็คเตอร์ของหมู่บ้าน Yangbanถ้าคุณดูทีละหลัง.
ซึ่งตอนที่ชมรอบๆสตูดิโอ Undangบ้านของผู้มีอำนาจ,ตอนนี้มันถึงเวลาไปในตัวเมืองที่ซึ่งชนชั้นกลางและชนชั้นล่างเคยอาศัยอยู่.เราเดินตามลมอีกครั้งซักพัก.
ในเมืองคือหนึ่งในที่นำเสนอสตูดิโอนี้และมีกิจกรรมที่เตรียมไว้มากมายและของสำหรับนักท่องเที่ยวใส่และจับเมื่อพวกเขาไม่ได้ถ่ายละครหรือหนัง.
หมู่บ้านประวัติศาสตร์ที่เก่ากว่าสตูดิโอ Undangได้ปรากฏอยู่ในละครและหนังหลายเรื่อง.ดังนั้นเมื่อคุณดูรอบๆหมู่บ้าน,คุณจะได้พบกับวิวที่คุณคุ้นเคย.
ทางเดินยาวๆเชื่อมต่อกับบ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านนั้นเป็นตรอกในเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุด.คุณไม่เคยเห็นคนเยอะๆซักครั้งในละคร?
ถ้าคุณเดินตามถนน,คุณจะสังเกตุได้ว่าบ้านเหล่านี้เล็กมากๆและแต่ละสไตล์นั้นแตกต่างในรูปร่างที่บ้านที่ไม่เหมือนในหมู่บ้าน Undang,หมู่บ้านของ Yangban.
สิ่งที่แตกต่างที่สุดนั้นคือหลังคานั้นไม่ใช่กระเบื้องแต่เป็นฟางเป็นมัดและผนังนั้นทำจากไม้ไม่ใช่โคลนขาว.
และคุณสามารถที่จะเห็นห้องน้ำที่คุณไม่สามารถเห็นด้านบน.มันเป็นแค่หลุมบนไม้และคุณนั่งแล้วก็อึ~!! ผมไม่รู้ว่าใครที่อยากจะลองอึดูบ้าง.
บ้านในสตูดิโอ Undangได้แบ่งออกเป็นชั้นขึ้นอยู่กับชนชั้นของคนที่อาศัยอยู่ขณะที่สิ่งเหล่านี้แบ่งออกขึ้นอยู่กับเป้าหมายของอาคาร.บ้านจำแนกออกโดยว่าใช้แบบไหนเช่นบ้านไหม,ร้านขายเนื้อหรือร้านเครื่องเงิน.
แล้วก็,ไม่เหมือนกับที่ผมคาดไว้ไม่มีกิจกรรมอะไรเลยน่าจะเป็นเพราะว่าอากาศหนาว.ภาพด้านบนถูกถ่ายไว้เมื่อตอนที่ผมมาเมื่อนานมาแล้ว.มันเคยมีอะไรหลายอย่างให้ทำทั้งสองข้างทาง.
ดังนั้นทัวร์ในหู่บ้านประวัติศาสตร์ก็จบลง.เราออกจากหมู่บ้านและย้ายไปยังสตูดิโอที่เคยใช้สำหรับถ่ายหนังเรื่อง Pirate.
หนังฉายเมื่อไม่นานมานี้ดังนั้นสตูดิโอก็เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว.แต่ไม่มีอะไรให้ดูมาก.ผมไม่สามารถเห็นอะไรพิเศษนอกจากเรือนี้.
ผมว่านี่เป็นเพียงแค่นิทรรศการของตกแต่งมากกว่าสตูดิโอ.ผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าเขาซ่อมเรือสำหรับให้คนเข้าไปชม.น่าเสียดาย!
ตอนนี้,หนังที่ดึงดูดผู้ชมกว่า25ล้านคน.Joint Security Area ถูกถ่ายที่สตูดิโอ Panmunjeom นี้และมันยังรู้จักว่ามันดูเหมือนของจริงมากๆ.
มีหอหกเหลี่ยมสองชั้นตั้งอยู่ ‘House of Freedom’ที่ตรงด้านหน้า.จริงๆแล้ว,คนจะได้รับอนุญาติให้ขึ้นหอผ่านบันไดเหล็กแต่น่าเสียดายมันห้ามเข้าตอนนี้,น่าจะเป็นเพราะว่ามันเก่าแล้ว.
ผมสามารถเห็นPanmungak ไกลออกไปจากฝั่งตรงข้ามบ้านแห่งอิสระ. Panmunjeonซึ่งดั้งเดิมเคยตั้งอยู่ใน Pajuใช้สำหรับสัญญากันไฟระหว่างเกาหลีเหนือ/ใต้ในระหว่างสงคราเกาหลีและกำแพงคอนกรีตระหว่างอาคารสีฟ้าเป็นเส้นทางที่แบ่งเหนือและใต้ออก.
ฉากนี้ถูกใช้ในโปสเตอร์ JSA,หนังเกี่ยวกับความกีดกันของความแตกต่างและสัมพันธ์ระหว่างทหารเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ.ซึ่งถูกถ่ายที่นี่.เคยมีลายเซ็นของนักแสดงตามโซนถ่ายรูปแต่มันถูกลบไปแล้ว.
ป้ายของSong Gang-ho และ Lee Byeong-heon อยู่ด้านในอาคารสีฟ้า.ว้าว...อันนี้ถูก.ทำไมเขาไม่เอาออกมาให้นักท่องเที่ยวนะ?
ถ้าคุณข้ามเส้นแบ่งและขึ้นไปด้านบน,คุณจะเห็นPanmungak,อาคารทางเหนือในPanmunjeom. นี่เป็นแค่สตูดิโอแต่มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมอยู่ในเกาหลีเหนือ,ซึ่งแปลก.
มีรถถังและปืนจัดแสดงในลานเล็กๆในสตูดิโอ.ปืนใหญ่ดูเหมือนแตกพังซึ่งผมเดาว่ามันคงเป็นของปลอมแต่มันเป็นเหล็กจริงๆ.ใช่มั้ย?
ตอนนี้เราชมด้านนอกเรียบร้อยแล้ว,มันถึงเวลาที่จะดูด้านใน.สตูดิโอ คอมเพล็กซ์ Namyangjuมีสตูดิโอด้านนอกใหญ่ๆแต่มันก็ยังนำเสนอสิ่งต่างๆมากมายในวิดีโอด้านในอาคารที่ดูเหมือนถูกฝังอยู่ใต้ดิน.
วิดิโอสนับสนุนในอาคารนี้ซึ่งอาคารนั้นมีอุโมงค์ตรงกลางสำหรับรถเพื่อเข้าไปด้านในโดยตรง.ที่ผนังอุโมงค์,มีการ์ตูนจากTaekwon V ถึง Pororo sแสดงถึงประวัติศาสตร์อนิเมชั่นของเกาหลีที่ทำให้เรานึกถึงการ์ตูนในประวติศาสตร์.
ศูนย์สนับสนุนนี้เป็นอาคารสองชั้นที่ซึ่งชั้นแรกเคยใช้ในการสนับสนุนในการทำภาพรวมถึงห้องพร็อพและห้องแต่งตัวและที่ชั้นสองนั้นเตรียมไว้สำหรับกิจกรรม.เราไปที่ด้านหลังอาคารซึ่งเราต้องดูที่ชั้นสองก่อน.
มันเป็นชั้นสองแต่แสงก็ยังทำให้สถานที่นั้นดูมืดเหมือนใต้ดิน.สิ่งแรกที่เราเห็นคือห้องแห่งนักภาพยนต์ที่มีชื่อเสียง.
ห้องแห่งนักภาพยนต์ที่มีชื่อเสียง.ที่เลือกโดยนักภาพยนต์,มันแนะนำผู้คนให้เข้าถึงวงการหนังเกาหลีประกอบด้วยนักแสดงและผู้กำกับ.ถึงตอนนี้มีลงทะเบียนหกคน,Sin Sang-ok, Hwang Jeong-sun, Gim Ji-mi, Eom Aeng-ran, Jeong Jin-wu และ Yu Hyeon-mok, เหล่าคนที่คุณจะต้องจำได้จากชื่อของพวกเขา.
มีส่วนร่วมในสิ่งเหล่านี้รู้สึกเป็นเกียรติและดึงดูดสายตาซึ่งที่นี่ค่อนข้างจะมีอำนาจ.เมื่อคุณเข้ามาด้านใน,มีบูทส์ที่มีรูปสัมริดขนาดใหญ่และสิ่งของอื่นๆจัดแสดง.
สำหรับนักแสดงชาย,โปสเตอร์หนังที่พวกเขาเล่นก็ถูกจัดแสดงไว้และสำหรับผู้กำกับ,โปสเตอร์ของหนังที่พวกเขาทำก็ถูกจัดแสดงไว้บนผนัง.มันค่อนข้างเร้าใจที่ได้เห็นพวกมันในตอนนี้แต่พวกมันจะต้องดังมากๆในสมัยนั้นผมว่า.
ผมเกิดสงสัยว่าทำไมพวกเขาชอบสีแดงมาก.ก็,คิดถึงสมัยเด็ก,ผมยังจำโปสเตอร์กับตัวอักษรสีแดง,ไม่ใช่รูปเหมือนอย่างตอนนี้,ในสมัยก่อน.
ในมุมหนึ่ง,มีฉากหนังซึ่งมีใส่อยู่ในอัลบั้ม.เราได้ยินชื่อของพวกเขาแต่นี่ต้องเป็นครั้งแรกที่เห็นพวกเขาในหนัง.นักภาพยนต์ที่นี่มาจากทั้งหนังขาวดำซึ่งคนสมัยนี้ก็จะรู้จักน้อย.
แต่ในการที่ต้องชมบรรยากาศการถ่ายทำที่ไม่ค่อยดีที่พวกเขาผ่านมาหรือสิ่งของต่างๆ,เราจะได้เห็นนักแสดงหรือนักภาพยนต์ซึ่งจะได้เห็นร่องรอยของผู้คนที่คุ้นเคยกับที่นี่.
สมุดจดเต็มไปด้วยข้อความเป็นสิบปี,กระเป๋าเงิน,บุหรี่และเก้าอี้ใช้ในสถานที่ถ่ายหนัง,ไฟแช๊กเก่าและสิ่งของต่างๆที่ถูกจัดแสดงดังนั้นสองชั่วโมงก็จะผ่านไปอย่างรวดเร็วในอาคารนี้.
และร่องรอยของชีวิตจริงที่น่าสนใจของพวกเขา.เย้,คุณควรที่จะขโมยตะเกียงของผู้กำกับ ฮ่า ฮ่า มันไม่ใช่ของเก่าจริงๆ,มันแค่ไม่กี่ปี,แต่ตัวหนังสือสองสามตัวทำให้เราบอกถึงความรู้สึกสำหรับของเก่าๆและใหม่ๆเหมือนกัน.
ในมุมหนึ่ง,มีกล้องจับฝุ่นเก่าๆ.ผมอยากที่จะดูใกล้ๆที่กล้องบันทึกกับที่จับแต่มันเกือบที่จะถูกทิ้งไว้ที่มุมซึ่งมันน่าเศร้า.ทุกๆสิ่งในมรดกเหล่านี้อยู่ในอุตสาหกรรมหนัง.
กล้องถ่ายหนังที่ผมต้องหมุนฟิล์มทุกครั้งที่ถ่าย.วันนี้กล้องดิจิตอลถูกนำมาใช้แทนที่โดยใช้กล้องหลากหลายซึ่งทำให้เราสามารถถ่ายภาพได้เยอะขึ้น.ในหนึ่งฉากแต่ในอดีตมันจะต้องยากที่จะถ่ายหนึ่งฉาก.แย่กว่านั้น,มันคงเกือบที่จะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกล้องเนื่องจากมันแพงมากๆ.
อุปกรณ์ถ่ายหนังและโปรเจ็คเตอร์ในอดีตก็ถูกจัดแสดงในบูทหนึ่ง.แน่นอน,คุณสามารถที่จะเช็คประวัติศาสตร์แบบละเอียดที่ซึ่งขั้นตอนการพัฒนาหนังก็ถูกจัดแสดงในศูนย์ซึ่งแค่เดินผ่านที่นี่ก็ได้.
ที่ตรงสุดทาง,เราเห็นแสงแปลกๆมาจากทางออก.ที่นี่นำไปยังสตูดิโอขนาดเล็ก.
สตูดิโอขนาดเล็กนี้มีพร็อพเล็กๆที่ใช้ในโคเรียน แอนนิเมชั่น วอนเดอร์ฟูล เดย์ ในต้นปี2000.
มันเป็นหนังเรื่องแรกในเกาหลีที่ 2D+3D+มิเนียเจอร์ผสมกันกับการลงทุนกว่า12ล้านวอนและใช้เวลากว่า 7ปีและน่าเสียดายมันไม่ได้ดึงดูดผู้ชมมากนักแต่มันเป็นที่รู้จักกันว่ามันสร้างปรากฎการณ์ใหม่ในอุตสาหกรรมอนิเมชั่น.
ถ้าคุณมองมัน,มันดูเหมือนของเล่นแต่ถ้าคุณดูใกล้ๆพวกมันดูละเอียดซึ่งคุณไม่สามารถที่จะทำรูเล็กๆบนราวบันไดเหล็กได้แม้แต่ด้วยที่หนีบ.
ซึ่งพวกเขาถ่ายทำกันที่นี่ในสตูดิโอเล็กๆ,ภาพวาด 2Dและหนัง 3Dถูกผสมเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้ดูเหมือนอนิเมชั่น.
นอกจากนั้น,ในการทำหนัง,มันควรที่จะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากมายรวมถึงดั๊บบิ้งและBGM. ถ้าคุณคิดถึงมัน,มันคืองานศิลปะและผลิตภัณฑ์ที่คนใช้ความพยายามอย่างมาก.
และมันก็มีมากมาย.จากหนังต้นทุนต่ำไปจนถึงอนิเมชั่นยุ่งยาก,มีหนังอยู่หลายเรื่องในรูปแบบต่างๆที่สร้างในอุตสาหกรรมหนังเกาหลีเหมือนอย่างตอนนี้.
ที่ตรงสุดทาง,มีที่พักที่ตกแต่งเป็นสตูดิโอ.มันดูเหมือนว่าจะเริ่มถ่ายได้แล้ว.ที่ด้านหน้า,มีร้านสะดวกซื้อเล็กๆเพื่อที่เราจะได้ซื้อน้ำ.
หลังจากพักสั้นๆ,เราลงไปที่ชั้นหนึ่ง.มันถึงเวลาที่จะไปห้องภาพวัฒนธรรม.ที่นี่มีคำอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับหนังเกาหลี.
ตอนที่เราเข้าไปด้านใน,มี Taegeukgiทำจากรูปเล็กๆของคนที่รวบรวมอุตสาหกรรมหนังเกาหลี.แน่นอนมีคนหลายคนมากกว่านี้แต่มันก็มีรายการที่ยาวแล้ว.
และผมก็เห็นกล้องแปลกๆที่ทางเข้าในฝั่งตรงข้าม.มันมีแค่อันเดียวซึ่งมันมีอะไรพิเศษหรือเปล่า?
ใช่แล้ว!นี่เป็นอุปกรณ์ถ่ายภาพ 3Dชิ้นแรกในเกาหลีที่ถ่าย กำกับโโย Lee Gyu-ung ในโรงหนัง Dongaในวันที่8กุมภาพันธ์1968. คุณอาจจะแปลกใจที่ได้รู้ว่าประวัติศาสตร์หนังของเกาหลีนั้นยาวนานกว่าที่คุณคิด.ตอนนี้เข้าไปอีก,และคุณก็จะเห็นรายละเอียดเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หนังของเกาหลี.
และพร็อพที่บนเพดานก็น่าสนใจด้วย.เต้นท์ขาวที่ดูเหมือนหมวกพ่อมดหรือร่มที่กางออกเหมือนกับกำลังหล่นจากฟ้าเหมือนดั่งฝัน.
คุณอาจจะคิดว่ามันน่าเบื่อแต่พพวกเขาอธิบายสัญลักษณ์ทางศิลปะและนำเสนอโดยจำแนกออกขึ้นกับอายุ,ผู้เขียนและชนิดขณะที่คุณกำลังฟังเพลงนุ่มๆเพื่อการผ่อนคลายขณะกำลังดูรอบๆ.
มันไม่ใช่แค่วิวัฒนาการทางศิลปะ.จอเล็กๆแสดงให้เห็นถึงไฮไลต์ของหนังที่ยิ่งใหญ่ในหมู่สองสามร้อยเรื่องที่สร้างในเกาหลีที่ทำให้เรานึกถึงอดีต.
และมีบูทอนิเมชั่นสำหรับเด็กๆ.ตอนที่อนิเมชั่นหลักทำให้ผมนึกถึงตัวเองกำลังดูการ์ตูนตอนเป็นเด็กเช่น‘Dooley’, ‘Yeong Sim-yi’ และ ‘Super Board.’
ถ้าคุณดูห้องวัฒนธรรมหนังเสร็จแล้วคุณก็เกือบที่จะเสร็จ.มีพร็อพและห้องแต่งตัวที่ชั้นแรกแต่มันสำหรับถ่ายหนังจริงๆไม่ใช่สำหรับผู้ชม.
มันเป็นเพราะสิ่งนี้ที่ดึงดูดความสนใจผมในตอนแรกใช่มั้ย?ที่นี่เต็มไปด้วยของเก่าๆนั้นค่อนข้างเศร้า.และมันก็ไม่มีใครรอบๆที่นี่....
นี่เป็นแคร่ในแบบที่ยายของยายผมเคยใช้.เดาจากการตกแต่งที่หรูหรา,นี่จะต้องเคยใช้ในงานแต่งงานในละครประวัติศาสตร์.
ที่ทางเข้านั้นเต็มไปด้วยของชิ้นใหญ่ๆ.แน่นอนมันไม่ได้จัดแสดงสำหรับผู้ชมแต่ผมอยากรู้แทบแย่ว่ามันไว้ใช้ทำอะไรเพราะมันไม่มีป้ายหรือคำอธิบายบอก.
ตอนที่เราเข้าไปด้านในอีก,มีของเก่าๆที่ทำให้ผมว้าว.แต่ละอันน่าจะมีค่าพอถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่าอันไหนอยู่ที่ไหน.
อ้า....ผมเดาว่าสตูดิโอ คอมเพล็กซ์ Namyangjuแสดงหนังทุกเดือน.อย่างไรก็ตาม,มันอยู่ที่อาคารใต้ที่จอดรถดังนั้นถ้าคุณมาที่นี่ด้วยรถสาธารณะ,มันอาจจะเป็นปัญหานิดหน่อย.แล้วก็,เรามีทัวร์ที่สะดวกและสนุกกับรายละเอียดเกี่ยวกับหนังในสตูดิโอ คอมเพล็กซ์ Namyangju.
ตอนนี้มันถึงเวลาที่เราจะต้องออกจากที่นี่.แค่คิดถึงมัน,เราสามารถที่จะสนุกกับสตูดิโอและนิทรรศการด้านในและส่วนที่น่าสนใจที่สุดของที่นี่คือเราสามารถสมมุติที่จะเป็นตัวละครหลักจากหนังที่เราเคยดูและถ่ายรูป,ไม่ต้องพูดถึงว่ามันใหญ่ที่สุดในเอเชีย.ดังนั้นผมคิดว่ามันน่าจะดีที่พาลูกๆของคุณมาที่นี่อย่างน้อยหนึ่งวันเพื่อที่จะดูรอบๆ.ในวันที่อุ่นๆในฤดูใบไม้ผลิ,ทำไมคุณไม่ลองพาครอบครัวของคุณมาที่สตูดิโอ คอมเพล็กซ์ Namyangjuและใช้เวลาที่น่าจดจำด้วยกัน?
แผนที่ : link
ที่อยู่ : 100, Sambong-ri, Joan-myeon, Namyangju-si, Gyeonggi-do
โทรศัพท์ : 031-579-0605
เวลาทำการ : 10:00~18:00 (เดือนพฤศจิกายน~เดือนกุมภาพันธ์ : by 17:00)
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่: 3,000 วอน / นักเรียนประถม,มัธยม: 2,500 วอน
เว็บไซต์ : website