Seongsan Sunrise Peak 성산일출봉
พวกเราผิดหวังที่ไม่ได้ไปที่ Seopjikoji พวกเราจึงไปที่รถยนต์เพื่อไปยังที่ต่อไป , Seongsan Sunrise Peak , Seongsan Mountain แห่งความโชคดีอยู่ใกล้พอที่จะเห็นจากที่จอดรถ Seopjikoji
ภายใน 15 นาที , พวกเรามาถึง Seongsan Sunrise Peak (Natural monument No. 420) , เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของ Jeju-doและเป็นสถานที่ที่ถูกบันทึกใน UNESCO เป็นมรดกโลกพร้อมด้วย Hallasan Mountain Natural Reserve และ Geomun Oreum Lava Tube System
3 ส่วนของเกาะติดกับมหาสมุทรที่ล้อมรอบไปด้วย 99 ก้อนหินบนภูเขา ที่ทำให้ดูเหมือนปราสาท (城) คนจึงเริ่มเรียกว่า Seongsan (Seong : ปราสาท , San : ภูเขา) การดูพระอาทิตย์ขึ้นจากหอดูดาวของ Seongsan ในตอนเช้าถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ที่ชมวิวที่เยี่ยมที่สุดของ Yeongju (瀛州) ตั้งนานมาแล้ว , มันเรียกว่า Sunrise Peak และกลายเป็นที่อื่นแทน Jeju-do
ถ้าเดินด้วยเท้าจากทางเข้าใช้เวลา 25 นาทีในการไปที่หอดูดาว เป็นสถานที่ที่แออัดไปด้วยคน พวกเราจึงหลีกเลี่ยงที่จะไปลานจอดรถ
โดยเฉพาะที่นี่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลายคน พวกเราได้ยินภาษาต่างประเทศในแต่ละก้าวที่เดิน คนส่วนใหญ่เป็นคนจีน
พวกเราเจอเรื่องน่าแปลกที่เจ้าของร้านแห่งหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าห้องขายตั๋ว ที่สามารถพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างธรรมชาติ รวมทั้ง 'Haenyeoui Jib (บ้านของนักดำน้ำหญิง)' ใน Seongsan
ด้านขวา , ที่นี่มีเนินเขาสูงที่สามารถไปที่หอดูดาว Seongsang ได้ อาจเพราะว่าอากาศร้อน , ผมพบว่าพวกเขาเกือบทั้งหมดมุ่งหน้าลงไปที่ 'Haenyeoui Jib' แทนที่จะขึ้นไปที่หอดูดาว
ผมมาที่ Seongsan ทุกครั้งที่ผมมาเชจู แต่ผมไม่เคยมีโอกาสขึ้นไปบนหอดูดาว ดังนั้นครั้งนี้ , ผมอยากลองไป แต่คนรอบข้างผมได้ออกไปแล้ว เลยทำให้ผมไม่มีทางเลือกผมจึงเลือกไปทางซ้ายแทน
'ครั้งหน้า , ผมจะนำรองเท้าสำหรับวิ่งและสำหรับปีนที่ Mount Sanbang และ Seongsan Sunrice Peak..มาด้วย'
หน้าผาสีหมอกดูเหมือนเป็นมงกุฎมากกว่าปราสาทเลยเป็นจุดเด่น และมีต้นไม้สีเขียวมีตะไคร่น้ำอยู่ทุกที่
และมหาสมุทรได้แผ่กว้างลงมาถึงที่นี่ , วิวของ Seongsan Mountain จากด้านข้างดูดีมาก เมื่อเรายังไม่ได้ขึ้นไปบนหอดูดาว
ถ้าคุณเข้าไปดูใกล้ๆ หน้าผา Seongsan, คุณจะเห็นระดับแนวทแยงและเหล่านี้คือเถ้าถ่านของภูเขาไฟตั้งแต่การระเบิดของภูเขาไฟได้แข็งตัวขึ้นมา, แข็งเป็นก้อนและกระจุกขึ้นมาก.
NX300 | f/6.3 | iso 100 | 2014:05:12 22:34:48 | Flash did not fire. | 18mm
ใต้ภูเขา Seongsan, คลื่นจากน้ำทะเลสีฟ้าทำให้ผมอยากสัมผัสอย่างทันทีทันใด. ในตอนนี้, haenyeos ท้องถิ่น (นักประดาน้ำหญิง) ได้จบการปราศัยของพวกเขาที่เป็นภาษาเกาหลีและภาษาจีน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มร้องเพลงพื้นบ้านแบบดั้งเดิม, 'Ieodosana'ซึ่งเป็นเพลงที่พวกเขาร้องก่อนที่พวกเขาจะนำเรือออกทะเล.
เสียงของพวกเขาแผ่กระจายผ่านลำโพงที่ติดตั้งไว้เพื่อให้ทุกคนได้ยินในบริเวณนั้น.
ขณะที่ผมหันหน้าไปทางเหนือของมหาสมุทรที่ซึ่งมี Seongsan อยู่ด้านตรงข้าม, มหาสมุทรในโทนสีพลาสเทลและพื้นดินบรรจบกันก่อให้เกิดคลื่นสีขาวกลายเป็นกำแพงคลื่นใน Seongsanpo จากที่ไกล.
ก้อนหินแต่ละก้อนที่อยู่ใกล้ๆ เป็นประติมากรรมอันแสนจะปราณีตที่พวกเราไม่สามารถเห็นได้บนพื้นดินเลย และพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของชายหาดที่สวยงาม.
อ่า, ผมอยากจะตายกลายเป็นปลาแต่ว่าผมยังไม่ควรใช่ไหม?
คุณสามารถไปที่เกาะได้ด้วยเรือโดยสารซึ่งออกเดินทางทุกๆ ชั่วโมง, และมันที่เป็นที่นิยมมีนักท่องเที่ยวมากมายมาที่ Jeju เพื่อมายังเกาะนี้.
Udo มีวิวที่แสนจะพิเศษของถ้ำ Dongangyeong, หนึ่งในเจ็ดสถานที่ท่องเที่ยวและหนึ่งในสถานที่ 1001ของเกาหลีที่คุณควรต้องไปก่อนตาย, และคนที่ Jeju เรียกมันว่า Gorae Kotgumenong (รูจมูกของปลาวาฬ) ซึ่งหมายถึงถ้ำที่ปลาวาฬสามารถอาศัยอยู่ข้างในได้.
ทางเข้าได้หายไปตามเวลาของน้ำขึ้นและโผล่ขึ้นมาตอนน้ำลด, และที่ด้านหน้า, Geommolle (ทรายสีดำ) ชายหาดที่ได้แผ่ออกไปที่ทำมาจากหินภูเขาไฟ.
เป็นที่แปลกพอสมควร, ในด้านอื่นของ Udo มีหาดทรายสีขาวที่ปกคลุมด้วยปะการังที่แตกหักเหมือนกับ Boracai ของ Philippines ดังนั้นคุณสามารถที่จะเพลิดเพลินกับลักษณะที่แตกต่างของมหาสมุทรในสถานที่เดียว.
ใกล้กับห้องจำหน่ายตั๋ว, พวกเราได้กินไอศครีมอ้อย ในขณะที่กำลังดูรูปภาพของภูเขา Seongsan ที่พวกเราอาจจะไม่สามารถได้กลับมาอีกครั้งในเวลาเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นก็เดินกลับไปยังที่จอดรถ.
ระหว่างทางไปยังภูเขา Seongsan จาก Seopjikoji และ ที่จุดสูงสุดที่พระอาทิตย์ขึ้น Seongsan, วิวช่างน่ามหัศจรรย์มาก ซึ่งคุณจะเห็นนักถ่ายรูปหลายคนพร้อมกับกล้องถ่ายรูปในบริเวณที่มีชื่อเสียงจากทุ่นต้นกกและทุ่งดอกเรปในแต่ละฤดูกาล.
สำหรับผม, ที่ Seongsan เป็นสิ่งแรกที่ปรากฎมาให้ความคิดของผมเมื่อผมคิดถึง Jeju ที่คุณสามารถที่จะรู้สึกถึงกลิ่นของ Jeju ดังนั้นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น Seongsan เป็นสถานที่ต้องไป ต้องดู, ไม่ใช่ตัวเลือก, ถ้าคุณวางแผนจะไปที่ Jeju.
ที่อยู่ : 114, Seongsan-ri, Seongsan-eup, Seogwipo-si, Jeju-do (제주특별자치도 서귀포시 성산읍 성산리 114)
เบอร์โทรศัพท์ : 064-710-7923
เวลาเปิดทำการ : 1 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ~ 1 ชั่วโมงหลังจากพระอาทิตย์ตก
Haenyeo Sundeoginae 해녀 순덕이네
พวกเรากำลังที่จะเรียนหลักสูตรการตกปลา 2 ชั่วโมงบนเรือใกล้กับภูเขา Seongsan และกินปลาที่พวกเราจับมาได้สำหรับมื้อกลางวัน แต่ว่าต้องยกเลิกเนื่องจากว่ามีคลื่นสูง.
ดังนั้นพวกเราเลยเดินตามชายฝั่งขึ้นไปทางเหนือนิดหน่อยจากทางเข้าของจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น Seongsan.
เมื่อพวกเราแทบจะไม่สามารถที่จะเห็นภูเขา Seongsan, พวกเราก็ได้เริ่มมองร้านอาหารที่จะกินบางอย่างซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวบนเกาะ Jeju ตั้งแต่การตกปลาถูกยกเลิกเช่นกัน.
'ที่นี่มันคืออะไร?'ในเวลาเดียวกัน, ผมก็ได้เห็นป้าย ดังนั้นผมต้องรีบไปตรวจดู.
ด้านหลัง Bulteok, ร้านอาหารธรรมดาที่ชื่อ'Haenyeo Sundeoginae'ซึ่งดูแลโดย Jeju haeyeo ซึ่งตั้งอยู่ร้านเดียวและพวกเราต้องรีบเริ่มที่จะหิวและน้ำลายเริ่มจะไหลเมื่อเริ่มคิดถึงอาหารทะเลที่สด.
ฝาผนังถูกปิดด้วยกระดาษโน๊ตและกระดาษต่าง ๆ ที่ทิ้งข้อความไว้จากลูกค้าที่เคยมาที่นั่น.
มันค่อนข้างที่จะแตกต่างจาก Yurinae ในตัวเมืองของ Jeju ซึ่งมีสาขาที่มีลายเซ็นต์ของคนที่มีชื่อเสียง. แต่วันที่ ที่ได้ลงไว้ในกระดาษทำให้เราเชื่อว่าร้านอาหารเก่าแก่อาหารจะต้องดีเช่นกัน.
แค่บางคำเท่านั้นที่ผมเข้าใจคือเราได้สั่งข้าวแยกมากับสิ่งที่เราสั่ง. พวกเราได้เชคเมนูบนฝาผนังและคำที่แปลกๆ เช่น Urigwendang, Namuigwendang, Keunnyeon, Setnyeon ฯลฯ.
ด้านบน, มีหอยเป๋าฮื้อบิดตัวไปมาและหมุนไปรอบๆ เพราะว่าไอร้อนจากด้านล่างและผมก็ได้จิบซุปหลังจากที่ต้มได้ที่, เป็นรสชาติที่ทำให้ผมมีชีวิตชีวาอีก.
ในหม้อ,ผมเห็นหอยหลายๆอย่างหอยกาบ,หอยแมลงภู่,ปูและกุ้งที่พวกเราต้องเอาพวกมันออกและต้มแยกกัน.อย่างไรก็ตาม,อาหารทะเลนั้นมีเกลืออยู่แล้วซึ่งถ้าคุณทำให้มันสุกด้วยไฟแรง,มันอาจจะเค็มในทันทีซึ่งคุณจะต้องทำมันอย่างระมัดระวัง.
อันต่อไปคือOkdom Gui จาก Jeju-do. มันตายแล้วแต่มันก็ได้ถูกทำความสะอาดและปรุงรสด้วยเกลือ,ทำให้แห้งและย่างด้วยถ่านซึ่งมันก็ไม่มีกลิ่นคาวแต่มันมีรสชาติที่เบาและก็ดีจริงๆ.นี่ก็มีชื่อเสียงพอที่จะทำให้มันถูกเรียกว่าราชินีแห่งท้องทะเลและคุณจะต้องลองมันเนื่องจากมันเป็นปลาที่เป็นตัวแทนของJeju-do ไปด้วยกันกับ เกาะsawedged และปลาสลิดหิน.
สุดท้ายนี้,อาหารจานโปรดของผมในJenu, jorim(อาหารที่ต้มในซอส). Godeungeo Jorim แช่อยู่ในซอสพริกแดงนั้นได้ถูกเสริฟพร้อมที่นึ่ง.
ทุกคนนั้นแบบว่า ว้าว.ไขมันปลาแมคคอเรลและหนังปลาขาวๆได้ถูกปกคลุมไปด้วยกืมจิฉีกชิ้นใหญ่ๆ.
ผมเดาว่ามันมีปลาแมคคอเรล4-5 ชิ้นซึ่งมันก็มากพอสำหรับพวกเราและซอสนั้นก็ได้ใจผมเลยเมื่อผมกินซอสกับข้าวหรือผสมมันกับห้วไชเท้าสุก.
การมาเยือนอย่างที่ไม่ตั้งใจยัง 'Haenyeo Sundeoginae'นั้นเป็นทางเลือกที่ดีมากๆในทริปของพวกเราถึงแม้ว่ามันจะมีชื่อเสียงหรือไม่ก็ตาม.
โดยเฉพาะHaemultang(สตูว์อาหารทะเลรสเผ็ด), ปลากระเบื้องและGodeungeo Mugeunji Jorim ที่พวกเราสั่งเป็นอาหารทะเลที่ถูกจับมาจากทะเลแต่ไม่มีจานไหนที่เหม็นคาวเลย.
ที่อยู่ : 42-5, Jongdal-ri, Gujwa-eup, Jeju-si, Jeju-do (제주특별자치도 제주시 구좌읍 종달리 42-5)
เบอร์โทรศัพท์ : 064-784-0073
เวลาทำการ: 09:00 ~ 20:00
หาด Woljeong-ri 월정리 해변
หลังจากที่พวกเราเติมท้องของพวกเราแล้วพวกเราได้นั่งรถไปยังบ้าน Jeju ใกล้ๆ,หลังจากนั้นพวกเราก็ย้ายไปที่ชายหาดเพื่อกินกาแฟ.
NX300 | f/7.1 | iso 100 | 2014:05:13 02:41:10 | Flash did not fire. | 18mm
อ้า,สวยจัง.แน่นอนภาพนั้นสวยกว่าตัวหนังสือบนชายหาดเสมอ.ซึ่งพวกเราได้ถ่ายรูปสวยๆของเด็กนักเรียนประถม (?) อึอยู่ใต้กางเกงของเขาหรือเปล่า.
พวกเราสั่งamericano เย็นคนละแก้ว,ขึ้นไปด้านบน,และนั่งดูทะเลอย่างสบายๆบนเก้าอี้ไม้ที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้า.
เครื่องดื่มที่ทำให้ปากผมเปียก,ลมที่สดชื่น,ทะเลมรกตนั้นอยู่ตรงหน้าของผม,นี่เป็นสวรรค์,ผมแน่ใจ.
ขณะที่พวกเราไปที่รถและขับไปที่สนามบิน,พระอาทิตย์นั้นกำลังนิ่งซึ่งพวกเราก็นั่งนิ่งเพื่อที่จะจำทุกอย่างที่พวกเราได้เห็นและทำในเกาะJeju.
ในหมู่สถานที่ท่องเที่ยวในเกาะ Jeju,พวกเราพลาดที่จะได้ทำหรือดูบางอย่างเพราะว่าอากาศไม่ค่อยดีแต่พวกเราก็สนุกกับอาหารที่พวกเราอยากลองมากๆขณะที่รู้สึกผ่อนคลายภายใต้บรรยากาศที่แปลกประหลาด.
ไม่เหมือนกับตารางเที่ยวอื่นๆที่แน่นและยุ่ง,พวกเรามีเวลาว่างเยอะซึ่งพวกเราเรียกทริปนี้ว่า " ทริปรักษา"ที่ทำให้พวกเรานึกถึงสิ่งสวยงามต่างๆผ่านทางร่างกายและสายตา.
ถ้าคุณมีโอกาสที่จะไปยังเกาะ Jeju ตอนพักร้อนครั้งต่อไป,ทำไมคุณไม่ลองแวะและสัมผัสมันด้วยตัวคุณเองดูหล่ะ?
ที่อยู่ : 652-4, Woljeong-ri, Gujwa-eup, Jeju-si, Jeju-do (제주특별자치도 제주시 구좌읍 월정리 652-4)