Holiday Journal

Holiday Journal
Hi, Lets look around cool places in Korea together with me! :)
19190 | 19900093

Pocheon, Namyangju #5 - หุบเขาศิลปะPocheon, Manbeokal - (Korea Tour)
 | Holiday Journal
แก้ไขล่าสุด : 2017/02/17

สถานที่ท่องเที่ยว : South Korea
 | จำนวนผู้ชม : 501328
https://blog.lookandwalk.com/th/blog/mazinguide/2226/trackback

หุบเขาศิลปะPocheon (FORAR)


มันกลายเป็นบ่ายแก่ๆอย่างรวดเร็ว.สถานที่สุดท้ายใน PocheonคือหุบเขาศิลปะPocheon - FORAR ซึ่งคุณไม่ควรพลาดสถานที่นี้.



หุบเขาศิลปะPocheonเคยเป็นเหมืองหิน Hwagangam แล้วกลายมาเป็นงานศิลปะและสถานที่ท่องเที่ยว,หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในPocheon.



ที่ที่เราขึ้นรถบัสเพื่อที่จะไปยังหุบเขาศิลปะคือตรงด้านหน้าของสำนักงาน Sinbukmyeon.นี่เป็นกุญแจไปสู่พื้นที่ตะวันออกของ Pocheonแต่เราต้องเข้าไปอีกเพื่อไปยังหุบเขาศิลปะ.



รถบัสส่วนใหญ่มาที่นี่ใกล้กับหุบเขาศิลปะแต่มันเป็นหน้าหนาวดังนั้นพระอาทิตย์อยู่หลังภูเขาและเราต้องเดินตามขอบระหว่างนาข้าว.



เราไม่เคยคิดว่าเราจะได้มาเดินแบบนี้ที่Pocheon. ตอนที่เราเดิน,เราเห็นหอหินตั้งอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน.



และรูปปั้นสาวพรมจรรย์จากสมัยJoseon.มันคือรูปปั้นขอครอบครัวChangwon Yu ที่ลูกสะใภ้ของครอบครัว Jeongและตายจากการผิดหวังในความรักจากสามีของเธอที่เสียไปจากสงคราม Manchuในปี1636.



เราในที่สุดก็มาถึงถนนแต่เราก็ต้องเดินขึ้นไป0.7km เพื่อที่จะดูหุบเขาศิลปะ.ก็,ผมมีความรู้สึกไม่ดีที่เราต้องผ่านภูเขานั้นอย่างน้อย.เราไม่เห็นรถบัสใช้ถนนนี้เลย.น่าจะดีที่ว่าเราเริ่มที่จะเดินไม่ได้รอ.



มันแค่0.7km แต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีอาคารใดๆอย่างที่ผมคาดไว้,ทันทีที่ผ่านภูเขาและเลี้ยวผ่านมุม,แบง!ลานจอดรถ.ตายแล้ว,เราจะต้องเหนื่อยมากตอนที่เราไปถึงที่นั่น.



มีป้ายอยู่บนเนินเขาตอนเดินไปที่ภูเขา.ทางเดินภูเขา Cheonju...เรามาที่นี่เพื่อปีนเขาเหรอ?



ก็,มันเป็นการเดินที่นานแต่ต้องขอบคุณที่เราไปถึงก่อนมืด.แม้แต่ห้องน้ำสีเหลืองที่ตรงทางเข้าก็เป็นเหมือนขนมในสายตาผม.



เราก็เห็นลานจอดรถและอาคารศิลปะ.ไม่มีใครคงเดาได้ว่าจะมีอาคารอยู่กลางภูเขาเนื่องจากมันมองไม่เห็นจากด้านล่าง.



พิ้ว~ยังไงก็ตาม,เรามาที่นี่เพื่อสิ่งนี้.เราต้องไปที่ห้องน้ำเพื่อทำอาณาเขตและเริ่มทัวร์.มันเป็นทางที่ยาวนานแต่ทัวร์เริ่มแล้ว.



ที่ชั้นหนึ่งของอาคารที่ใกล้กับลานจอดรถที่สุด,ยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของPocheon-si จัดแสดงไว้ให้นักท่องเที่ยว.แม้ว่าเราจะไม่ใช่ชาวนาแต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นความคิดที่แย่ที่จะซื้อของฝากที่นี่ให้เพื่อนคุณ.



นิทรรศการแรกเป็นแกลลอรี่และศูนย์กิจกรรม.มันดูค่อนข้างโล่งที่ทางเข้านั้นซ่อนอยู่ระหว่างอาคารแต่เราตื่นเต้นเพราะมันเป็นทัวร์แรกของวันนั้น.และเราต้องการเพื่อรำลึกเนื่องจากเรามาไกล.....



สวนเล็กๆแผ่อยู่ตรงทางเข้าและมีแผนที่ของจุดหลักในหุบเขาศิลปะ Pocheon.ตามด้ววยห้องจัดแสดง 2-3ห้องตามลานจอดรถ,มีนิทรรศการกลางแจ้งและศูนย์ดาราศาสตร์เรียงตามภูเขา,ซึ่งเพียงพอสำหรับเรา.



ดังนั้นถ้าคุณวางแผนที่จะมาที่นี่,ผมหวังว่าคุณจะใช้เวลาในการชมรอบๆที่นี่มากกว่าเพียงฆ่าเวลาสองสามชั่วโมง.



เดินตามทางหิมะแล้วคุณก็จะไปถึงศูนย์กิจกรรม.ศูนย์กิจกรรมและแกลลอรี่ไม่ได้รวมทางเข้าด้วยกันแต่พวกมันก็ยังเชื่อมต่อกันไม่ว่าทางไหนที่คุณเข้า,คุณสามารถที่จะทัวร์ได้ในครั้งเดียว.บวกกับ,ทั้งสองที่นั้นฟรี.



ศูนย์กิจกรรมเป็นสถานที่ที่คุณสามารถทำกิจกรรมได้มากมายอย่างที่คุณน่าจะเดาได้จากชื่อของมัน.มีเวิร์คช็อปที่ต่างๆกันบนชั้นสองที่ที่คุณสามารถทำกิจกรรมรวมถึงทำซุปจากสิ่งธรรมชาติ,เทียนอโรมา, hanji ( กระดาษเกาหลีทำมือจากต้นมัลเบอรี่) แกะสลัก/ หิน/หนัง และเซรามิค.



มีผู้เชี่ยวชาญรออยู่ในแต่ละเวิร์คช็อปที่ที่พวกเขานำเสนอกิจกรรมและการสอนเฉพาะวัน.ผมเห็นเด็กๆและครูกำลังทำน้ำส้มสีสวยๆในอโรมาเวิร์คช็อป.




ควบคู่ไปกับรูปภาพและกรอบ,มีกิจกรรมที่อนุญาติให้เด็กทำของเล็กๆที่ใช้ตกแต่งบ้านได้กับพ่อแม่ด้วย.



พุ่มไม้รูปหมาและหมี.ตามหน้าต่างและบันไดก็ถูกตกแต่งไปด้วยงานฝีมือ.



เราไปถึงที่นั่นช้าไปหลังจากทัวร์ที่ Pocheonดังนั้นเราไปดูรอบๆสถานที่ดีกว่านั่งทำอะไรอย่างอื่น.ดังนั้นเราจึงมุ่งหน้าไปยังศูนย์นิทรรศการทางการศึกษาที่ตรงสุดทาง.



เมื่อเราเข้าไปที่ล็อบบี้,ผนังนั้นปกคลุมไปด้วยโพสต์อิทของคำอธิษฐาน.ก็,ผมพลาดส่วนนี้ไม่ได้เลย.



เราต้องทำเหมือนกัน.ผมเขียนคำอธิษฐานจากใจและติดมันในที่ที่ไม่มีใครรู้.ของพวกเราอยู่แถวๆตรงนั้น.



ฮ่าฮ่าตอนนี้มันถึงเวลาที่จะดูรอบๆแกลลอรี่.ทันเวลาพอดี,แกลลอรี่แสดงเกี่ยวกับแม่น้ำ Hantan,วิถีชีวิตของ Pocheon.



ตามห้องกว้างของแกลลอรี่,มีสิ่งจัดแสดงมากมายเหมือนกับพิพิธภัณฑ์ใหญ่.บวกกับเราไม่มีคนเยอะในตอนนั้นดังนั้นเราจึงดูรอบๆได้ง่าย.



หินสำคัญๆก็ถูกจัดแสดง.Yeonchon-gun,ส่วนยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ที่ ขวานAcheulean ที่พบในภาคตะวันออก,มันเป็นภาคใหญ่ของแม่น้ำHantan ซึ่งได้พบหินในภาคนั้นมีความหมายที่ดีด้วย.



บวกกับเราตื่นเต้นที่เราจับมันได้ไม่ใช่แค่อ่านคำอธิบาย.



และเวิร์คช็อปหินบดที่เราได้หัวเราะกับมัน. คุณจะจับหินและลูบมันเรื่อยๆ.ดังนั้นคุณสามารถลูบหินได้นานเท่าที่คุณต้องการ.



ผมไม่รู้ว่ามันเป็นเวลา600ปีตั้งแต่ที่นี่เรียกว่า Pocheonจนผมมาที่นี่.ประวัติศาสตร์ของชื่อนั้นมันยอดเย่ียมและสิ่งที่ค้นพบในพื้นที่นี่ก็ยังจัดแสดงไว้ที่นี่.



สิ่งจัดแสดงทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับยุคสมัยใหม่ก็ถูกจัดแสดงอยู่ที่มุมหนึ่งแต่ดูว่าไม่ค่อยมีใครสนใจ.บวกกับ,พวกเขาจัดรวมกันโดยไม่คำนึงถึงอายุหรือการใช้ผมคิดว่ามันเพียงแค่โชว์.



เป็นการจัดแสดงแบบปรับปรุงใหม่(?)เป็นโซนรูปถ่าย.ถึงแม้เราจะไม่ได้ผ่านคลื่นแม่น้ำ Hantanแต่เราสามารถที่จะถ่ายรูปกับหน้าที่เคร่งขรึม.เหตุผลที่มุมถ่ายรูปที่จัดไว้ในแกลลอรี่เพราะแม่น้ำ Hantanเป็นแคนยอนตรงๆและหน้าผาและความกว้างของแม่น้ำที่ตรงและเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการล่องแพ.



บวกกับ,แม่น้ำ Hantanตั้งอยู่ในGyeonggi-do,เป็นภาคตอนล่างในเกาหลี,แต่มันค่อนข้างต่างจากแม่น้ำอื่นๆในภาคใต้เนื่องจากมันเชื่อมกับแม่น้ำImjin ไหลไปทางตะวันตกผ่านPaju,ไม่ใช่แม่น้ำ Hanที่ยิ่งใหญ่.มันไม่ใช่ยอดเยี่ยม,มันเล็กแต่ก็ยังดิบ,ผมว่า.ดังนั้นมันยังมีสิ่งที่มีค่าพอที่จะดูรอบๆแม่น้ำเหมือนกับน้ำตก Bidulgi Nang.



ที่โต๊ะเล็กๆที่ด้านหน้าของโซนถ่ายรูป,มีเด็กๆนั่งอยู่ด้วยกัน,เล่นเกมส์และทำบางอย่างตอนที่พวกเขากำลังมองที่กระดาษ.



มีกิจกรรมขวานหินที่คุณต้องทำขวานหินจากแม่น้ำ Hantanด้วยกระดาษ.แต่แม้แต่หลังอ่านคำแนะนำซักพัก,มันดูทำยาก.



เมื่อคุณเจ็บหัว,คุณจะต้องหายใจลึกๆ.เราออกจากแกลลอรี่และไปยังที่ศูนย์นิทรรศการหิน.



ถ้าศูนย์นิทรรศการการเรียนรู้ถูกสร้างเพื่อนำเสนอ Pocheonและแม่น้ำHantan, ศูนย์นิทรรศการหินถูกสร้างเพื่อแนะนำหุบเขาศิลปะ Pocheon.มันเพราะว่าที่นี่เคยใช้เป็นเหมืองที่ที่คนเคยให้ขุดหินแกรนิต.




ที่ด้านหน้า,รูปชั้นหินของภูเขาที่ที่หุบเขาศิลปะตั้งอยู่ถูกอธิบายในแบบสามมิติ.ถ้าคุณกดปุ่ม,มีเสียงออกมาให้คำอธิบายและแนะนำส่วนต่างๆ.เดาจากที่นี่ของหินเหล่านี้,มันจะต้องมีหินหลายอย่างจัดแสดงที่นี่.



ผมรู้ทีหลังแต่หินเหล่านี้จาก Pocheonใช้ซ่อมรอยแตกCheonggye และประตู Gwanghwamunในโซลและเพื่อสร้างบ้านสีฟ้า,ศูนย์รวมของชาตอเกาหลี,ศาล,สถานีตำรวจและสนามบิน Incheon.ซึ่งมันไม่ใช่พูดเวอร์เกินไปว่าหินแกรนิตส่วนใหญ่ใช้ในอาคารใหญ่ๆในเกาหลีมาจากPocheon.



ในห้องนิทรรศการ,ที่มีหลายอย่างจัดแสดงในรูปร่างต่างๆทำจากแกรนิตที่ได้มาจากที่นี่.หินแกรนิตนั้นพบมากที่เกาหลีแต่ที่มาจากPocheon เป็นที่ที่นิยมมากเนื่องจากมันมีความสวยงาม.



สิ่งที่ผมชอบมากกว่าชิ้นใหญ่ๆคือกล่องปากกาเล็กๆที่ทำจากแกรนิต.หินแกรนิตเองก็สวยแต่น่าประทับใจที่ได้เห็นว่าพวกเขาทำกล่องดินสอด้วยหิน.



หลังจากเราประวัติของหุบเขาศิลปะในนิทรรศการหิน,มันเริ่มที่จะมืดและถนนก็เริ่มที่จะสว่างขึ้นจากแสงไฟบนต้นไม้.



ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะชมรอบๆหุบเขาศิลปะในPocheon.นิทรรศการที่เราเคยไปนั้นฟรีแต่ด้านบนของเหมืองจะต้องเสียเงิน.



และไฮไลต์ของที่นี่,รถราง.เราตัดสินใจที่จะนั่งมัน.มันราคา7,500 ต่อคนสำหรับไปกลับ.(3,000วอนรวมค่าเข้า).



มันไม่ไกลจาดยอดเขาแต่มันค่อนข้างชันและไม่มีอะไรให้ดูระหว่างทางดังนั้นใช้รถรางดีกว่าถ้าเป็นไปได้.



ชานชาลานั้นอุ่นเนื่องจากพวกเขาป้องลมหนาวที่มาจากภูเขา.ขณะที่เรารอ,พวกเขาก็อธิบายว่าจะทัวร์ยังไง.



ไม่นาน,ก็มีรถราง2คันมา.คันหนึ่งนั่งได้47คนถูกสร้างในปี 2014 และมันใช้เวลาน้อยกว่า10นาทีเพื่อที่จะขึ้นไปที่ยอด.



รถรางนี้มีสองป้ายรวมด้วยป้ายด้านหน้าของห้องขายตั๋ว,และทางที่เร็วที่สุดคือที่นี่,ออกจากด้านบน,เริ่มทัวร์,เดินไปยังจุดที่สองและนั่งรถรางเพื่อไปยังจุดเริ่มต้น.



ด้านในนั้นสะอาดและมีที่นั่งทั้งด้านหน้าและหลัง.ในหมู่นั้น,ที่นั่งด้านหน้าในรถคันแรกและที่นั่งด้านหลังในรถคันที่สองเป็นที่ที่ดีที่สุด.ถ้าคุณนั่งด้านหลังในรถคันแรกหรือที่นั่งด้านหน้าในรถคันที่สอง,สิ่งที่คุณจะเห็นคือหน้าสีเหลืองใหญ่ๆ.



น้อยกว่า5นาทีหลังจากที่เราขึ้นรถ,เราก็มาถึงยอด.และก็มีวิวที่งดงามที่เราได้รับ.แสงหลากสีแยงมาตามต้นไม้และของตกแต่งต่างๆ.



มันอยู่ตรงกลางของภูเขาที่ไม่มีแสงยกเว้นแสงจากต้นไม้ที่ตกแต่งและแสงก็สะท้อนกับหิมะสีขาวแถวนี้สวยงามมากกว่าที่อื่นๆ.



เกาะสมุนไพร,อีกสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งในPocheon,มันมีชื่อเสียงในเรื่องแสงในยามค่ำคืนแต่มันก็ดีได้แค่นั้น.มันไม่นานตั้งแต่ที่นี่ได้เปิดสู่สาธารณะชนดังนั้นคุณก็จะไม่มีการรบกวนเวลาถ่ายรูปหรือเดินชนคนอื่นๆ.



อีกสถานที่ท่องเที่ยวของหุบเขาศิลปะนั่นคือคุณสามารถที่จะไปที่ศูนย์ดาราศาสตร์.มันเป็นธรรมชาติที่คุณจะได้วิวที่ชัดของดาวบนฟ้าเนื่องจากมันอยู่ที่ตีนเขาในPocheon กับอากาศที่สดชื่น.



มันมีหลายอย่างให้ดูสำหรับอาคารที่ติดกัน.นี่เป็นอาคารสามชั้นที่ซึ่งมีนิทรรศการที่ชั้นหนึ่งและชั้นสองและอุปกรณ์สำหรับดูดาวที่ชั้นสามและบนดาดฟ้า.



ทันทีที่เราเข้ามาที่ล็อบบี้,มีโมเดลของจานดานเทียมและรูปปั้นต่างๆมองลงมายังนักท่องเที่ยวตามรูของเพดาน.มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากด้านนอกและผมก็สามารถได้กลิ่นของวิทยาศาสตร์ที่นี่.



มีหุ่นในชุดนักบินอวกาศกับโต๊ะประชาสัมพันธ์ที่มุมหนึ่งและโซนถ่ายรูปสำหรับพวกเราเพื่อที่จะเป็นนักบินอวกาศ.มีบันไดเล็กๆไว้ให้เด็กๆด้วย.



ห้องนิทรรศการที่หนึ่งนั้นถูกตกแต่งด้วยธีมเรื่องราวของโลกที่เราอาศัยอยู่ในหมู่ของดาวอื่นๆ.



ตามด้วยการกำเนิดของโลก,เรื่องราวเกี่ยวกับการรวมตัวของพืชและเรื่องราวง่ายๆที่อาจจะดึงความสนใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อวกาศก็เขียนอยู่บนฝาผนัง.



เรื่องราวส่วนใหญ่เกี่ยวกับความจริงที่ว่าท้องฟ้าที่เรามองมาโดยตลอดไม่ใช่แค่มืดแต่มันยังมีสีสันที่สวยงามและโลกที่กว้างใหญ่ที่เบื้องหลังของมัน,ซึ่งมันใหญ่กว่าอันที่เราเห็นอยู่.



และมีสมุดสำหรับผู้มาเยี่ยมชมซึ่งควรที่จะเป็นจุดสิ้นสุด.ถ้าคุณถ่ายรูปกับกล้องที่มีเตรียมไว้ที่ด้านหน้าสมุดและเขียน.



ห้องจัดแสดงห้องที่สองเกี่ยวกับป้ายและโครงการพลังงานแสงอาทิตย์.มันมีอุปกรณ์หลายอย่างในหมู่นิทรรศการอื่นๆซึ่งคนค่อนข้างเยอะเทียบกับที่อื่นๆ.



สิ่งแรกที่ดึงความสนใจผมเป็นกล้องดูดาว.ใจดีพอ,มีมีรอยเท้าที่คุณสามารถมองที่กล้อง.



ฮื้อ?กล้องดูดาวแบบไหนกันเนี่ย?นี่จริงๆแล้วง่ายมากๆด้วยหลักการสะท้อนและเพิ่มการตกกระทบ.มันอยู่ด้านในดังนั้นคุณไม่ต้องมองหาไกลๆ.แทนที่,ถ้าคุณมองมัน,คุณก็จะเห็นแสงของดาวที่3-4m ห่างออกไป.นี่เป็นเพียงแค่ของเด็กที่ช่างสงสัย.



ด้านหลังกล้องดูดาว,มีโมเดลของกล้องดูดาวหลักที่หอดูดาวของภูเขาBohyeon,หนึ่งในกล้องที่ดีที่สุดของเกาหลี.กล้องนี้ใหญ่ที่สุดในเกาหลีมันใหญ่ขนาดที่มีเส้นศูนย์กลาง 1.8kmตั้งอยู่ที่Yeongcheon,Gyeongsangbuk-do, และอย่างท่ีคุณเห็น,คุณสามารถพบมันได้ที่ด้านหลังของแบงค์10,000.



ตรงกลางของห้องจัดนิทรรศการที่2มืดกว่าส่วนอื่นๆ.ดังนั้นโมเดลของพระอาทิตย์ดวงใหญ่ตรงกลางจึงดูสว่างมากขึ้น.แสงตรงกลางขยับเหมือนกับว่ามันกำลังไหม้อยู่ตรงหน้าของพวกเรา.



มันทำให้ผมอยากจับพระอาทิตย์.....ดังนั้นผมจึงเข้าไปใกล้ๆและทำให้ความหวังของผมเป็นจริงและพบว่ามันเป็นแค่แสง.แต่มันก็ใหญ่ซึ่งเพียงพอที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว.



ไม่เพียงแค่มีพระอาทตย์แต่ยังมีการเปรียบเทียบดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ,ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล,เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจมันได้ง่ายขึ้น.และเราไม่ได้เห็นดาวพลูโต,ดาวเคราะห์ที่ไม่รวมอยู่ในระบบสุริยของเราเมื่อไม่นานมานี้.



เมื่อคุณพูดถึงดาวเคราะห์และกาแลคซี่มันดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์แต่เมื่อคุณพูดถึงดวงดาว,พวกมันดูเหมือนเกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าและตำนาน.ซึ่งมันมีป้ายที่น่าสนใจที่นี่ด้วย.



มีคนมากกว่าที่อื่นๆเพื่อดูถึงเรื่องเล่าและฤดูของแต่ละป้าย.



มันอาจจะหมายถึงว่าสัญลักษณ์นั้นเป็นที่นิยมมากกว่าวิทยาศาสตร์ที่ส่วนใหญ่น่าเบื่อ,มีบอร์ดครึ่งวงกลมที่โชว์พวกเราท้องฟ้า. ถ้าคุณยกมือขึ้นตรงกลางของสกรีน,คุณสามารถที่จะปรับมันได้.คุณยังสามารถได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสัญลักษณ์และเรื่องราวของมันในแต่ละฤดู.แต่มันน่าเศร้าที่ทำได้ครั้งละสองคนเท่านั้น.ดังนั้นคุณจะต้องรอนานเมื่อเวลามีคนเยอะ.



มีล็อบบี้สำหรับนั่งพักเมื่อคุณออกไปด้านนอกห้องนิทรรศการ2.ห้องนิทรรศการ2และ3ที่ชั้นสองซึ่งคุณจะเห็นทางเข้าที่คุณเข้ามาจากที่นั่งพัก.และคุณจะเห็นโลกลอยอยู่บนหัวใกล้ๆ.



หลังจากที่พักสั้นๆบนเก้าอี้,เรามุ่งหน้าไปยังห้องนิทรรศการสุดท้าย,ห้องที่3.ธีมของห้องนี้คือ "การเดินทางไปสู่ห้วงอวกาศ".มันแสดงให้เราเห็นถึงเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์และประวัติเกี่ยวกับอวกาศเช่นเดียวกับเรื่องราวของดาวเคราะห์ต่อไป.



อย่างแรก,พวกเขาอธิบายว่าอวกาศแสดงให้เราเห็นอะไรบ้าง.ในการที่จะแสดงให้เราเห็นว่ามีแสงหลายชนิดนอกจากที่เห็นได้,อย่างที่เราเห็นเป็นปกติ,มีกล้องให้มองซึ่งนักท่องเที่ยวต่างก็ให้ความสนใจ.



และเนื่องจากคุณเรียนวิทยาศาสตร์เมื่อตอนเป็นเด็ก,สีมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของไฟ.มันเรียกง่ายๆว่าสเป็คทรัมและอุณหภูมิของมัน,ชื่อสีของแสง,ใช้ในการอธิบายเมื่อการดูดาวและหาระยะทาง.



นานมาแล้ว,มันเป็นที่นิยมที่มีอุกกาบาศตกที่เกาหลี.คุณยังสามารถเห็นซากเหล่านี้ที่นี่ด้วย.



มันบอกว่าพวกมันส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของธาตุเหล็กและมีอุกกายาศที่น่ารักเหมือนอันนี้.มันน่าจะสวยถ้าเอามันวางไว้ที่ไหนซักที่ที่บ้าน.



ดังนั้นถ้าคุณเห็นความลึกลับของอวกาศผ่านแสงและอุกกาบาศ,มันถึงเวลาที่จะแนะนำผู้คนที่ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับอวกาศในอดีต.



ชื่อของคนที่เป็นที่รู้จักว่ารักอวกาศและจดบันทึกเกี่ยวกับพวกมันก็ได้มีการจัดแสดงไว้.น่าเสียดาย,เราต้องจบทัวร์ของเราที่ห้องจัดแสดง3.ชั้นบนและดาดฟ้าให้บริการแค่คนที่แจ้งไว้ล่วงหน้าซึ่งถ้าคุณสนใจ,คุณควรทำตามที่บอกไว้ในเว็บไซต์.



แม้ว่าคุณจะไม่สามารถที่จะเห็นดาว,แสงตอนกลางคืนก็ทำให้หุบเขาสว่างขึ้นที่ด้านนอกของพิพิธภัณฑ์.มันดูว่าจะหนาวถ้าออกไปข้างนอกจากอาคารแต่เราต้องจัดเสื้อผ้าและออกไปข้างนอก.



แสงจากต้นไม้เล็กๆ.มันน่าจะเป็นแสงธรรมดาแต่ดูสวยมากบนหิมะสีขาว.มันเป็นแค่ผมที่คิดว่ามันเหมือนเค้กหรือขนม?



หุบเขาศิลปะเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างใหญ่ซึ่งมีแผนที่อยู่ที่นี่และที่นั่นช่วยในการที่เราจะชมรอบๆ.



เดินตามถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและแสง.ครั้งนี้,เรามาที่สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในหุบเขาศิลปะ,ทะเลสาบCheonjuho.



Cheonjuho นั้นห่างจากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์10นาที.มันอยู่ในละครหลายๆเรื่องด้วย.



ท้า-ด้า.ที่นี่คือทะเลสาบCheonjuho แห่งหุบเขาศิลปะ.มันดูสวยน้อยกว่าในรูปแต่คุณจะทึ่งกับหินที่มีรูปร่างขรุขระเป็นรูปต่างๆ.แม้แต่ที่ที่ไกลที่สุดที่คุณไม่สามารถที่จะมองเห็นได้มันก็เต็มไปด้วยน้ำสีฟ้าล้อมรอบหินก้อนใหญ่ๆ.เหมือนวิวของภาพทิวทัศน์ในสมัยโบราณ.



บนหิน,มีแสงสีต่างๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆที่ทำให้เรารู้สึกว่าหินนั้นขยับถ้าคุณจ้องมัน.



มีคนบอกผมว่ามันเคยไม่มีน้ำที่นี่.มันเคยเป็นภูเขาหินแต่ผู้คนเริ่มที่จะขุดเพื่อเอาแกรนิต,น้ำก็เริ่มเข้ามาแทนที่ว่างและทะเลสาบก็เกิดขึ้น.ดังนั้นมันน่าจะบอกได้ว่ามันเป็นผลงานของมนุษย์และพระเจ้า.



ขณะที่พื้นที่ว่างของเหมืองกลายเป็นทะเลสาบ เนินเล็กๆเหนือ ก็กลายเป็นสวนด้วยรูปที่ทำจากแกรนิต



และสถานที่นี้ก็อัพเกรดขึ้นจากความช่วยเหลือของแสงวิบวับและหิมะสีขาว.มันเป็นที่ที่ดีกว่าในการพักผ่อนเพราะว่ามีคนไม่มากน่าจะเป็นเพราะอากาศที่หนาว.



ผมชอบรูปปั้นในสวนเพราะแต่ละอันไม่เหมือนกันที่ผมไม่เข้าใจความหมายของสวนอื่นๆ.



บวกกับมีรูปปั้นน้อยกว่า10รูปในที่ใหญ่ๆ,ไม่ใช่เป็นโหล,ดังนั้นถ้าคุณดูมันทุกอัน,คุณก็จะจำมันได้ทั้งหมด.



ที่ด้านล่างของงานในสวน,คุณจะเห็นช่องว่างของแผนที่เกาหลี.และมีบันไดสำหรับเด็กเพื่อที่จะถ่ายรูปกับทุกรูปปั้น.



งานชิ้นนี้ถูกติดไว้กับภูเขา,จากที่หินแกรนิตไม่ใช่ถูกแยกออกมา,ดังนั้นทุกอย่างคืองานศิลปะ.ผมไม่รู้ว่าทำไมแต่ส่วนใหญ่คนแก่จะชอบ.ฮ่าฮ่า



เราเดินมาหน่อยและเห็นแสงสว่างจากอิคลูยักษ์.เราเข้าไปคาดว่ามันจะต้องมีอะไรพิเศษด้านใน.


ด้านในนี้,เราเห็นขวดMakgeolli ขนาดใหญ่กับ“Pocheon Makgeolli นั้นดีที่สุด"เขียนไว้...ตายแล้ว!แค่นี้หรอ?ผมมองไปทางอื่นและก็เห็นเป้าหมายจริงของบ้านหลังนี้.นี่ใช่แน่แน่บ้านของMakgeolli ที่สร้างจากขวดMakgeolli สีขาว~.



บ้านนี้ล้อมรอบไปด้วยหน้าผาสูงและหน้าผาด้านหน้ามีที่สังเกตุการณ์อยู่ตรงบันไดวน.น่าเสียดายเราไปที่นั่นไม่ได้เนื่องจากห้ามเข้าเพราะลื่นจากหิมะ.



แต่ถ้าคุณไปดูด้านข้าง,คุณก็จะเห็นเวทีใหญ่ที่ดูเหมือนโรงหนังทำจากหิน.คุณเห็นคนข้างล่างนั่นมั้ย?หน้าผานี้สูงมากและมันเป็นอันเดียวกับหินก้อนยักษ์ที่หุบเขาลึกที่เราเห็นจากทะเลสาบCheonjuho.



เนื่องจากหับเขาศิลปะเคยเป็นเหมือง,คุณสามารถที่จะพบร่องรอยของมันจากหินที่นี่.ใต้หน้าผาหิน,มีเคร่ืองมือที่เคยใช้สกัดหินรวมถึงเครื่องเจาะ.



ตอนที่เราเดินรอบๆสวน,เราเริ่มที่จะรู้สึกหนาวมากๆ.เราคิดถึงฮีทเตอร์มากๆ.ดังนั้นเราจึงต้องวิ่งไปยังจุดพักที่ตั้งอยู่ตรงจัสตุรัส.




กาน้ำร้อนและเตาทำให้นักท่องเที่ยวลืมความหนาว,มันเป็นเพียงที่พักที่ทำจากเต้นท์แต่มันทำให้เราอุ่นเหมือนห้องอื่นๆ.



เมื่อร่างกายคุณอุ่นขึ้น,ท้องคุณก็จะเริ่มหิวด้วย.ซึ่งพวกเขามีขนมขายที่นี่.มีเค้กปลา,อุด้งและกาแฟซึ่งคุณไม่ควรจะหวังอะไรให้มากแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกดีขึ้น.



ตอนนี้เราอุ่นร่างกายเรียบร้อยด้วยกาแฟและฮีทเตอร์และเสร็จทัวร์ส่วนใหญ่ที่หุบเขาศิลปะ,เราต้องลงไปก่อนที่จะดึก.เมื่อเรามาถึงชานชาลา,มีคนสองสามคนแล้ว.



รถรางนั้นเปิดให้บริการแต่ในตอนกลางคืนเมื่อมีผู้โดยสารสองสามคน,พวกเขาจะรอให้รถเต็มโดยเช็คผ่านกล้องและส่งขึ้นไป.เราอุ่นร่างกายด้วยฮีทเตอร์ไฟฟ้าสีแดง10นาทีก่อนที่มันจะเริ่มเคลื่อน.



ซักพักเราก็พบรถรางสีเหลืองอีกครั้ง.เรานั่งเพราะมันค่อนข้างว่าง.



แค่นั้น,เราเสร็จทัวร์ที่หุบเขาศิลปะ Pocheon FORAR ซึ่งเปลี่ยนเหมืองแกรนิตที่ถูกทิ้งร้างให้เป็นอวกาศแบบมีศิลปะ.



แต่น่าเสียดาย,ทะเลสาบ Cheonjuhoนั้นสวยและยอดเยี่ยมในตอนกลางวันมากกว่ากลางคืน,และในฤดูร้อนมากกว่าฤดูหนาว.แต่เมื่อคิดถึงมัน,คุณก็จะไม่ได้เห็นแสงสวยๆและพิพิธภัณฑ์ดาวในตอนกลางวัน.มันหมายความว่ามันมีสิ่งที่น่าสนใจทั้งกลางวันและกลางคืน.



อืม....แต่เราต้องเลือกฤดูที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวในการท่องเที่ยว,มันอาจจะเป็นช่วงคริสต์มาสหรือกลางคืนในหน้าร้อน.มันไม่ใช่หุบเขาในป่าหรือหอดูดาวบนยอดเขาสูงแต่คุณจะได้ทั้งสองอย่างที่หุบเขาศิลปะในPocheon.



ถ้าเราเลือกมาหนึ่งอย่างแต่ยกเว้นวิวธรรมชาติในPocheon.เราต้องเลือกที่นี่เป็นที่แรก.ถ้าคุณมีโอกาสได้มาที่Pocheon,ทำไมคุณไม่ลองพาครอบครัวหรือแฟนและมองดูดาวภายใต้ท้องฟ้าใสๆดูล่ะ?


Map


แผนที่ : link

ที่อยู่ : 282, Giji-ri, Sinbuk-myeon, Pocheon-si, Gyeonggi-do

โทรศัพท์ : 031-538-3483

เวลาทำการ : 09:00~18:00 (เปิดกลางคืน)

ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 3,000 วอน /นักเรียน2,000 วอน / เด็ก1,000 วอน (รถราง 7,500 วอน/ 5,500 วอน/ 3,500 วอน– รวมค่าเข้า)

เว็บไซต์ : website




Manbeokal

หุบเขาศิลปะPocheonนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาห่างจากตัวเมือง.ดังนั้นจึงไม่มีร้านอาหารแถวๆนี้ที่เราสามารถที่จะเดินไปได้.




แต่ว่ามีอยู่ที่หนึ่งตรงห้องขายตั๋วที่แก้ปัญหาทั้งหมด.มันมีชื่อว่าManbeokal ที่ทำเต้าหู้,เห็ดและkalguksu(บะหมี่หั่น).



ตอนที่ผมค้นหาออนไลน์,ผมเจอมันใหม่หมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ.โดยส่วนตัวแล้ว,มีร้านอาหารสองสามแห่งที่คงจะทำให้เราพอใจใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเราก็ไม่ได้หวังอะไรมากเมื่อเราไปถึงที่นั่น.



มันผ่านเวลาอาหารไปแล้วดังนั้นโต๊ะส่วนใหญ่จึงว่าง.เราเช็คเมนูและมีแค่สองเมนู,หนึ่งคือ Manbeokalและอีกอันหนึ่งสำหรับเด็ก.



ทันทีที่เรานั่ง,พวกเขาก็สั่งอาหารสองที่สำหรับเรา.พวกเขาคงรู้ว่าเราหิวขนาดไหนเพราะdaikonแห้ง,เห็ดปรุงรสด้วยน้ำส้มและส่วนผสมอื่นๆและ geotjeori (สลัดผักสดปรุงรสด้วยกระเทียมและพริกป่น,และอื่นๆ)ก็มาเสริฟ.



Manbeokalคือเห็ดหม้อร้อนซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของอาหาร,Mandu(เต้าหู้), Beoseot(เห็ด)และ Kalguksu(บะหมี่หั่น) ซึ่งคุณสามารถที่จะอร่อยกับข้าวผัดเมื่อคุณเกือบที่จะกินอาหารจานหลักเสร็จ.เนื่องจากร้านนี้ใช้เห็ดสดจากสวนเลี้ยงของศูนย์เห็ด Pocheon,ไม่มีอะไรต้องพูดถึงว่ามันสดขนาดไหน.



ในที่สุดหม้อร้อนกับเห็ดหลากชนิดและเต้าหู้ในซุปขาวที่เสริฟอยู่บนโต๊ะ.ผมเห็นเห็ดenoki,เห็ด Saesongiและเห็ดชิตาเกะที่เราเห็นบ่อยๆ.และไฮไลต์คือ hericium erinaceum ที่ด้านบนที่ดูเหมือนฝ้ายตรงหางของหมวก.คิดถึงเต้าหู้ในซุปเนื้อ,มันค่อนข้างเยอะสำหรับสองคน.



ยังไงก็ตาม,เราต้องรอจนสตูว์Manbeokal สุก...อีกทั้งเรากินเครื่องเคียง,บางอย่างหายไป.



เนื่องจากเราอยู่ที่Pocheon, เราอาจจะต้องลอง Pocheon Makgeolli,ใช่มั้ย?แต่ขวดนึงมันเยอะเกินไปและผมก็จะเสียดายถ้าไม่ได้ลอง...ถึงตอนที่ผมเกือบที่จะถอดใจ,ผมเห็นว่าเขาขาย Pocheon Makgeolli หนึ่งแก้วสำหรับหนึ่งคน.



ผมชิมหนึ่งจิบและมันรสหวานและเรียบสำหรับMakgeolli. ดังนั้นผมจึงกิน Geotjeoriที่สดและกรอบ.มันเหมือนกับว่า Makgeolli นั้นอยู่กับเราจาก Sansawon ถึง Manbeokalในหุบเขาศิลปะ.ฮ่าฮ่า



สตูว์เริ่มที่จะเดือดแสดงให้เห็นซอสสีแดง.เห็ดและเต้าหู้ก็สุกต่างเวลากัน.ซึ่งถ้าคุณรอจนสุกทั้งหมด,เห็ดก็จะเสียรสชาติ..



ในการที่จะอร่อยกับรสชาติของส่วนผสมต่างๆ.คุณต้องทำตามความแนะนำแต่อะไรก็ตามที่คุณกิน,คุณจะได้รับรสชาติที่อร่อยที่สุดเมื่อคุณทำตามคำแนะนำจากเชฟ.



สำหรับคนดีดี,เรากินเห็ดและGeotjeori ในคำเดียว.โอ้ โห~เราได้รสชาติเห็ดมากกว่าที่เราคาดไว้.ผมเข้าใจว่าทำไมคนถึงชอบที่นี่และเมื่อผมกินมันเกือบหมด,ผมก็อยากที่จะแนะนำที่นี่กับคนรอบๆผมด้วย.



เมื่อเราเกือบที่จะกินเห็ดหมด,พนักงานถามเราว่าเราอยากได้บะหมี่หั่นมั้ย. "อยากได้~!!” และเราก็กินเต้าหู้ที่สุกอยู่ในสตูว์.แม้แต่ก่อนที่เราจะถ่ายรูป…;;;;;;;;; เราคงอร่อยกับพวกมันมากๆ.



แล้วความหิวของเราก็ต้องการข้าวผัด.ไม่นานหลังจากที่พนักงานเอาบะหมี่ให้เรา,พนักงานอีกคนเอาซีฟู้ดและผักและผัดมันกับข้าว.



ข้าวผัดอร่อยที่สุดเมื่อมันกรอบๆจากข้าวที่ผัดนานๆแต่เรารอไม่ไหวและเราก็กินมันกับเครื่องเคียง.



หลังจากที่เรากินขนมปังกับโยเกิร์ตอย่างคำแนะนำ,เราพึ่งจะรู้สึกว่าเราหลงลืมและกินอาหารเร็วมาก,ไม่ใช่ส่วนของบันทึกการท่องเที่ยวของผม...



แล้วผมก็พยายามจะหาอะไรเพื่อที่จะถ่ายรูป,แต่เท่าที่เหลือหรือแก้วเหล้าเปล่า.น่าจะเป็นเพราะเราเดินไกลและเดินทางไกลๆ,เรามีความสุขที่เราสามารถกินอาหารที่น่าประทับใจเหล่านี้ที่ร้านอาหารที่เราไม่ได้คาดหวัง.



Manbeokalนั้นอยู่แถวสถานที่ท่องเที่ยวแต่ผมว่าคุณต้องยกให้ร้านน้ี.กลิ่นเห็ดสด,เต้าหู้,บะหมี่หั่น,ข้าวผัด,โยเกิร์ตและMakgeolli ทำให้ทัวร์ของเราที่หุบเขาศิลปะมีค่ามากขึ้น.



เราถ่ายรูปมาไม่มากที่Manbeokal ในครั้งนี้แต่เราอิ่มมากเมื่อออกมาจากร้าน.และอย่างสุดท้าย....เราเอานี่มากล่องหนึ่ง~!!รู้ไว้นะ,ร้านปิดเร็วดังนั้นเช็คก่อนที่จะไปนะ.



Map


แผนที่ : link

ที่อยู่ : 282, Giji-ri, Sinbuk-myeon, Pocheon-si, Gyeonggi-do

โทรศัพท์ : 031-535-0587

เวลาทำการ : 09:00 ~ 19:00

ราคา : 2 คน: 22,000 วอน/ 3 คน: 33,000 วอน/ 4 คน: 39,000 วอน, หมูบดทอดสำหรับเด็ก : 8,000 วอน





抱川, アートバレー, 포천, 포천아트벨리, 포아르, 산책, 등산로, 전시관, 창작체험실, 돌문화전시관, 아트벨리, 모노레일, 야경, 별빛, 조명, 천문과학관, 화강암, 계곡, 채석장, 만버칼, 만두, 버섯, 칼국수, 볶음밥, Pocheon, PocheonArtValley, FORARWalk, Hikingtrails, ExhibitionHall, CreativeActivityHall, StoneCultureExhibitionHall, ArtValley, Monorail, Nightview, Starlight, Lighting, AstronomicalScienceCenter, Granites, Valley, Quarry, Manbeokal, Mandu, Beoseot, Kalguksu, Dumpling, Mushroom, Friedrice, 抱川アートベリー, 布アート, 散歩, 登山路, 展示館, 創作体験室, 石文化展示館, アートベリー, モノレール, 夜景, 星, 照明, 天文科学館, 花崗岩, 谷, 渓谷, 採石場, マンボカル, 餃子, キノコ, カルグクス, チャーハン, 抱川艺术中心, PoAReu, 散步, 登山, 展览馆, 创作体验室, 石文化展览馆, 艺术中心, 单轨铁路, 星光节, 天文科学馆, 花岗岩, 溪谷, 采石场, 满波卡, 包子, 蘑菇, 刀切面, 炒饭, ฟอร์จูน, ฟอร์จูนศิลปะวัลเลย์, ปอกำลัง, เดิน, เดินป่า, นิทรรศการ, ห้องประสบการณ์คว, ามคิดสร้างสรรค์, หินวัฒนธรรมนิทรรศการ, ศิลปะวัลเลย์, โมโนเรล, คืน, ดาว, โคมไฟ, ดาราศาสตร์วิทยาศาสตร์, หินแกรนิต, หุบเขา, เหมือง, เพียงbeokal, ขนมปัง, เห็ด, ก๋วยเตี๋ยว, ข้าวผัด
ความคิดเห็นหนึ่งบรรทัด(0) 
PDF
บุ๊คมาร์ค
อีเมล์
0bytes / 200bytes
ดูรายชื่อ