ผมชึ้นรถไฟ KTX ประมาณเวลา 9:40 น.
วันที่ 13 มีนาคม. ผมทราบข้อมูลมาว่าฝนเริ่มตกที่ปูซานแล้วและทำให้ผมต้องติดร่มไปด้วยในกระเป๋า “ผมเลิกหวังที่จะได้ภาพถ่ายในที่ดี". อย่างไรก็ตาม...จากอีกด้านหนึ่งของความคิดผม ผมจำได้ว่าช่างถ่ายภาพมืออาชีพสามารถที่จะเอากล้องถ่ายรูปไปกับเขาถึงแม้ว่าเป็นวันที่ฝนตก แต่พวกมือสมัครเล่นก็พยายามที่จะถ่ายภาพเฉพาะในวันที่มีแดด. ดังนั้น, ผมเลยเปลี่ยนใจและตัดสินใจที่ทำสิ่งที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์. จากโซล, มีรถไฟ KTX หลายประเภท (รถไฟหัวกระสุนเกาหลี) เพื่อไปยังปูซาน. แบบหนึ่งคือรถไฟสายด่วน ซึ่งไปไม่ได้จอดหลายสถานีและแบบอื่นค่อนข้างจะช้า ซึ่งจะจอดหลายสถานี. โชคดี, ที่ผมสามารถขึ้นได้ก่อน. มันใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง 22 นาที และผมก็จะไปถึงยังสถานีปูซาน ประมาณเที่ยงนิดๆ . มันเป็นช่วงระยะเวลาเดินทางที่สั้นมาก (ผมรู้สึกว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว!!!) และผมก็ได้อ่าน eBook เพื่อให้คลายความเหงา. ผมเจอ “Adventure of Huckleberry Finn" เขียนโดย Mark Twain ซึ่งผมเคยอ่านในสมัยผมเป็นเด็กซึ่งเป็นตัวเลือกใน eBook. ผมจดจ่อกับการอ่านหนังสือเล่มนี้และบางครั้งผมก็ได้ยิ้มออกมาด้วนความที่น่าสนใจและการผจญภัยในนิยาย. เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับนิยายที่ดีและผมขอบอกว่า eBook เป็นประโยนชน์แทนที่หนังสือหลายๆ เล่ม.
เมื่อมาถึงที่สถานีปูซาน, ผมก็ขึ้นแท็กซี่เพื่อที่จะไปร้านหนังสือมือสองที่ Bosu-dong.
เมื่อผมถึงที่นั่น, ผมได้เจอกับ Ggang-Tong (มันหมายถึงว่ากระป๋องที่ว่างเปล่า.) มีตลาดอยู่ด้านนอกถนนของร้านหนังสือและผมก็ได้มองหาสถานที่สำหรับอาหารกลางวัน.
เมื่อผมเดินไปได้สองช่วงตึก, ผมก็เจอร้านอาหานในแบบของเกาหลี เรียกว่า “Mill-Yang ซุปหมูและข้าว" และมันกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยอย่างแรกและมีชื่อเสียงของอาหารปูซาน.
ซุปหมูของร้านนี้มใช้น้ำมันอย่างจำกัดจำนวน และมันดูใสมากและไม่มีกลิ่นของไขมัน. มันแค่ 6,000 วอน (ประมาณ 5 ดอลล่าร์) แต่มันทำให้ผมมีความสุขอย่างมาก.
Mill-Yang ซุปหมูและข้าว 밀양돼지국밥
หลังจากที่เสร็จสิ้นการทานอาหาร, ผมรู้สึกสบายและอุ่่นถึงแม้ว่าเป็นวันฝนตก. จากพลังงานของซุปหมู, ผมก็มุ่งตรงไปยังร้านหนังสือมือสองที่ Bosu-dong.
ในโซล, ร้านหนังสือมือสองทั้งหมดที่เคยมีในย่านเล็กๆ ก็ได้หายไปแล้ว ผมรู้สึกมีความสุขมากกับความรู้สึกสะดวกสบายจากร้านหนังสือมือสอง. ขนาดของแต่ละร้านหนังสือเล็กกว่าที่ผมได้คาดไว้แต่ว่ามันถูกจัดเรียงไว้เป็นอย่างดีเหมือนกับในป่าที่มีต้นไม้รอบๆ. บางร้านมีการรวบรวมหนังสือในคอลเลคชั่นของภาษาต่างประเทศและการเรียนภาษาต่างประเทศ, และร้านอื่นๆ ก็มีหลายคอลเลคชั่นของชีวประวัติ. บางร้านมีหนังสือการ์ตูนที่มีชื่อเสียงและหนังสืออ้างอิงของหนังสือเรียนในโรงเรียน.ผู้ปกครองบางคนยังยุ่งอยู่กับการหาหนังสืออ้างอิงและกำลังต่อรองราคาหนังสืออยู่.หนังสือการ์ตูนสำหรับเด็กก็ยังขายดีที่นั่น.
ความรู้สึกที่มีสีสันจากหลายชั้นของหนังสือทำให้พวกเราสะดวกสบาย.
รวมกับการถ่ายภาพ, ถ้าคุณซื้อหนังสือสักสองสามเล่มจากร้าน, เจ้าของร้านจะมาพบคุณด้วยความอบอุ่น.
ที่นั่งสำหรับเจ้าของร้านหนังสือยังคงว่างเปล่าและเก้าอี้ตัวนี้กำลังรอเจ้าของบ้าน.
แสงแดดจากข้างนอกส่องให้ลูกค้าได้หาหนังสือและให้แสงสว่างกับหนังสือด้วย.
ผมไปที่ร้านเพื่อหา CD มือสองและเห็นกล้องถ่ายรูป Yashica บนกำแพงซึ่งพ่อของผมชอบมากตอนสมัยผมเป็นเด็ก. ผมได้คุยกับเจ้าของร้านเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูป, ดนตรีและ MTB (จักรยานเสือภูเขา) จากนั้นสักพักเจ้าของร้านก็เลี้ยงกาแฟแบบกรองกับผม.
หลังจากผมกินกาแฟหมด, ผมก็ได้เลือสินค้าหลายอย่างของอัลบั้มเพลงและหนังสือและได้ให้ที่อยู่ของผมกับเขาเพื่อบริการส่ง. ราคาของ National Geographic 2,000 วอน แต่ละเล่มของ Pavarotti ราคา 8,000 วอน. ผมก็ยังได้ซื้อ Life of Hilary และ Essay of Professor Dong-Kyu Park และราคารวมทั้งหมดอยู่ที่ 60,000 วอน.
นี่คือที่อยู่ของร้านขายหนังสือมือสองใน Bosu-Dong.
ที่อยู่ : 1-119 1-ga, Bosu-dong, Choong-gu, Busan Metropolitan City (부산광역시 중구 보수동1가 119)
โฮมเพจ : http://www.bosubook.com/