Sansawon
แม้ว่า Gyeonggi-doจะค่อนข้างใกล้กับจุดหมายของเรา,เหตุผลที่เราเริ่มเร็วเพราะว่าจุดหมายที่ผมกำลังจะแนะนำนี้.อย่างหนึ่งที่ที่จะทำให้คุณนึกถึงเมื่อคุณคิดถึง Pocheonจะต้องเป็นเหล้า.
และมีBaesangmyun บริวเวอรี่ของ Sansawon ในPocheonที่จัดแสดงเหล้าที่เป็นตัวแทนของ Pocheon.Sansawon ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกด้านในของPocheon ค่อนข้างไกลจากถนนหลักในตัวเมืองดังนั้นมันจึงค่อนข้างไม่สะดวกที่จะไปด้วยการเดินทางสาธารณะ.น่าจะเป็นหนึ่งคันทุกๆชั่วโมง?
เดินตามถนนสองเลนในชนบทเล็กๆจนคุณไปถึงทางตรงของถนนที่ภูเขา,แล้วคุณก็จะเห็นอาคารอ้วนๆสีน้ำตาล.มันไม่ใช่จุดหมายของเราแต่มันเป็นหนึ่งในบริษัทเหล้าที่ใหญ่ที่สุดชื่อJosuldang.
และฝั่งตรงข้ามเป็นสนามที่มีหม้อมากมายและอาคารสองสามหลังภายใต้แสงแดดอุ่นในหน้าหนาว.
นี่คือ,ใช่แล้ว,สถานที่แรกที่เรามา, Sansawon และ Sansajeongwon (สวนSansa ).ส่วนห้องปฏิบัติการหรือส่วนการผลิตของโรงงานนั้นไม่เปิดให้สาธารณะชน.
ที่ตรงทางเข้าของSansawon,มีป้ายเล็กๆที่แสดงให้คุณเห็นแผนที่ของ Sansawonเพื่อนำทาง.สถานที่นั้นดูค่อนข้างใหญ่.ผมเดาว่าเวลาคงจะผ่านไปรวดเร็วเพียงแค่ชมรอบๆSansajeongwon.
มันยังหนาวอยู่ดังนั้นไปดูด้านในอาคารกันเถอะ.โอ้....แล้วก็นี่คือทางเข้าใช่หรือเปล่า?ไม่มีคนอื่นอีก.เราผิดหวังมาสองสามครั้งดังนั้นเราจึงค่อนข้างกลัว. “อย่าบอกนะว่าวันนี้มันปิด".
แล้วเราก็โล่งใจเมื่อเห็นป้ายที่หน้าประตู.ก็,ผมไม่ได้หวังว่ามันจะเป็นอาคารที่หรูหราแต่ผมนึกว่าอย่างน้อยมันจะมีห้องขายตั๋ว...
บวกกับ,พวกเขาเปิดประตูหลังจากที่เรากดกริ่ง.ผมรู้สึกผมมาที่บ้านเพื่อน....มีป้ายของงานพิเศษที่ล็อบบี้ต้อนรับพวกเรา.ผมไม่เห็นอย่างอื่นแต่ " ชิมฟรี" และ "ตัวอย่าง".ย้าฮู้~~
ตัวอักษรง่ายๆ‘Sul(เหล้า)’ เขียนอยู่ตรงกำแพงด้านหน้า.มันเป็นหนึ่งในภาษาเกาหลีที่หน้าตานั้นเหมาะกับความหมายมาก.Sul~ดื่มเหล้าsulsul(ง่ายๆ).
ที่ชั้นหนึ่งของSansawon, มีพิพิธภัณฑ์โชว์ประวัติศาสตร์ของเหล้า,เครื่องมือที่ใช้ในการทำเหล้าและเทคนิคการผลิต.มันแบ่งออกเป็นแต่ละรูปแบบ.
สิ่งแรกที่คุณจะเห็นคือเครื่องมือที่ใช้สำหรับทำเหล้าเพียงแค่มอง.สิ่งที่ดูเหมือนทรายที่ด้านขวาอาจจะเป็นวัตถุดิบของเหล้าที่เรียกว่ายีส.
มีหม้อใหญ่รูปร่างแปลกๆใช้สำหรับกลั่นน้ำ,เป็นเหล้าอย่างหนึ่งที่ไม่มีสี.
มีห้องเรียนเล็กๆในมุมหนึ่ง.มันใช้เป็นห้องเรียนและห้องครัวที่คุณสามารถดูหนังเกี่ยวกับการทำเหล้าโดยใช้อุปกรณ์เก่า.ผมเดาว่ามันคงจะดีเหมือนกันสำหรับต่างชาติเนื่องจากมีทั้งภาษาจีนหรือญี่ปุ่น.
บวกกับถ้าคุณมาทันเวลา,คุณอาจจะลองทำเหล้าด้วยตัวเองซึ่งมันดูเหมือนเป็นสถานที่ที่ดีที่จะลองกิจกรรมใหม่ๆ.
ด้านหนึ่งของผนังเต็มไปด้วยขั้นตอนต่างๆและลำดับของทุกๆอย่างๆ.แต่คำพูดนั้นยากกว่าที่ผมคาดไว้.Deotsul, Sulmil, Jaegang…ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย....
แต่ไม่ว่าใครว่ายังไง,เหล้านั้นดีกว่าเมื่อคุณให้คนอื่นทำแล้วคุณดื่มมันบนพื้นกับขนมอยู่เต็มและดีกว่าทำด้วยตัวคุณเอง~!!
บวกกับ,เหมือนกับเหล้าแต่ละอย่างมีรสและกลิ่นที่ต่างกัน,คุณต้องใช้ถ้วยคนละถ้วย.ดังนั้นเมื่อมันเป็นMakgeolli, คุณต้องดื่มจากถ้วยใหญ่ๆนี้.
มีประโยคสองสามประโยคเกี่ยวกับเรื่องเหล้าบนกำแพงสีขาวด้านนอกของห้องวิดิโอตามวรรณกรรม.มันดูเหมือนว่าแต่ละอันนั้นเหมาะกัน.และมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมน่าจะดื่มได้แล้ว.
ผมจะดื่มเหล้าถ้ามันเป็นตอนกลางคืนแต่เนื่องจากมันเป็นตอนเช้า...ผมจึงรวบรวมสติและดูนิทรรศการต่อไป.
สิ่งที่เราพบส่วนใหญ่มาจากปลายยุคJoseon หรือยุคเข้าครอบครองของญี่ปุ่น,ไม่มีซักอันที่มาจากยุคเก่ามากๆเหมือนกับที่พิพิธภัณฑ์อื่น.
พวกมันเคยใช้จนถึงเมื่อหลายสิบปีก่อน.นั่นทำไมรู้สึกคุ้นเคยจากของพวกนั้น?ผมแน่นอนรู้สึกว่าเหมือนเห็นขวดแบบนั้นที่ไหนมาก่อนที่สร้างขึ้นในสมัยยุคครอบครองของญี่ปุ่น.
ที่ด้านหนึ่งของผนัง,มีแผนที่สำหรับเหล้าทางใต้ดั้งเดิมของเกาหลี.ผ่านไปแค่สองสามชนิดแต่ผมลองน้อยกว่าที่ผมคาดไว้...ว้าว ผมเปลี่ยนแล้วใช่มั้ย(?)!
ไม่เพียงแต่แค่บรรพบุรุษของเรา,แต่วัฒนธรรมทั้งฝั่งตะวันออกคิดว่าเหล้านั้นเป็น "สไตล์".ซึ่งคุณไม่สามารถที่จะพูดถึง"รสชาติของศิลปะ"โดยไม่พูดถึงเหล้า.
ตู้โชว์สองสามตู้เต็มไปด้วยแก้วในรูปร่างและสีต่างๆ.เขาว่ากันว่าชื่อและธรรมชาตินั้นส่วนมากเข้ากันได้ดี,ซึ่งหมายถึงรสของเหล้าแต่ละชนิดก็ขึ้นอยู่กับชนิดของแก้วด้วย,และมันทำให้ผมสงสัยว่าแต่ละอันนำเสนอรสชาติของศิลปะได้ยังไงด้วย.
อันนี้ไม่เหมือนมาจากเกาหลีหรือประเทศอื่นแถวๆเกาหลี.ผมเดาว่าขวดรูปร่างแปลกๆนี้มาจากประเทศแถบอาราบิคแต่ผมไม่รู้ว่าประเทศไหน.
มีขวดเหล้าอื่นที่ดูแปลกแต่ไม่มีคำอธิบาย,ซึ่งมันน่าเสียดายนิดหน่อย.
แล้วผมก็นึกได้บางอย่าง.ทุกอย่างที่มีคำอธิบายก็ต้องเป็นอย่างที่สำคัญกว่าใช่มั้ย?แล้วผมก็สังเกตุเห็นโต๊ะเครื่องดื่ม,ขนมและแก้วด้านใน.
มันบอกว่าโต๊ะและแก้วนั้นถูกสร้างจากไม้ที่มีอายุกว่าสองร้อยปีโดยฟ้าผ่า.ต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่าจะถือว่าศักดิ์สิทธ์นานมาแล้ว.นั่นอาจจะทำไมมันถึงกลายเป็นโต๊ะและแก้วที่พิเศษ.
มีสิ่งที่สำคัญหลายอย่างในการทำเหล้าแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือน้ำ.อย่างสุดท้าย,พวกเขาอธิบายชาที่ปกติและชาชนิดต่างๆ,ซึ่งเป็นรสชาติของศิลปะที่ทำจากส่วนผสมเดียวกัน,ทำให้เรานึกถึงว่าเราต้องมีความสุขกับเหล้าแต่ถ้วยจะต้องไม่เต็มเกินไป.
ตรงกลางของห้องจัดแสดง,มีรูปปั้นขนาดใหญ่ที่หมุนช้าๆไปรอบๆ.ตุ๊กตาตัวเล็กๆแสดงถึงวิธีการทำเหล้า.แต่มันไม่ง่ายที่จะเข้าใจเพียงแค่ดูมัน.
ถ้าคุณต้องการที่จะฟังเรื่องราวทั้งหมด,คุณต้องดูรอบๆนิทรรศการอื่นๆและย้ายเข้าไปด้านในตามเสียงที่ออกมาตามคำอธิบายในแต่ละส่วน.
ที่ตรงสุดห้อง,มีเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าๆรูปร่างต่างๆเรียงเป็นแถว.มันเป็นถาดเก่าเรียกว่าถาดไม้สำหรับข้าว.เราสามารถที่จะมองเห็นเช็นส์ถึงความงามของบรรพบุรุษจากชิ้นงานศิลปะที่สร้างขึ้นมา.มากกว่านั้น,มีตู้เย็นเก่าๆทำจากไม้,ซึ่งมันแปลก,ดังนั้นคุณไม่ควรที่จะพลาดอะไรไป.
นี่นำไปสู่ชั้นล่าง.เหล้าที่มีชื่อเสียงสองสามขวดถูกแขวนไว้บนผนังกับมือโลหะของผู้มีชื่อเสียงผู้ซึ่งอยู่ในโฆษณาเหล้าที่ยังขายอยู่.เท่าที่ผมคิดได้คือมือนั้นเล็กกว่าที่ผมคาดไว้แต่ผมว่าพวกเขาใช้พื้นที่ได้ดี.
สิ่งแรกที่คุณเห็นด้านล่างคือบาร์.ที่บาร์สี่เหลี่ยมที่เปิดได้ทุกทาง,มีเหล้าชนิดต่างๆ.และคุณก็ลองได้ทุกอย่าง.ฮ่า ฮ่า~
ก็,เราต้องดูให้เสร็จก่อนชิม.ไม่ไกลจากบันได,มีเหล้าดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงในเกาหลีกับคำอธิบาย.ได้เห็นมันจัดแสดงแบบนี้,มีอีกหลายอย่างมากกว่าที่ผมคาดไว้.
และคุณก็พลาดขนมไม่ได้เมื่อคุณดื่ม.มีโต๊ะขนมกับเหล้าที่เสริฟควบคู่ไปกับโต๊ะที่เหมือนสำหรับผู้นำ.และพวกมันก็ดูสวยมากและทำให้ผมน้ำลายไหล.
ผมดื่มเหล้ามาเป็นเวลานานแต่ผมไม่เคยได้ยินว่าขนมจะแตกต่างไปขึ้นอยู่กับเหล้าที่นี่.มันต้องขนมชนิดที่ต่างกันเพื่อให้เข้ากันกับชนิดของเหล้า,ไม่ใช่แค่ความต้องการส่วนตัว,เมื่อนานมาแล้ว.
เมื่อเราหยุดน้ำลายไหลและเดินออกมา,เราเห็นหม้อเล็กมากมายอยู่ในแก้ว.มันเป็นตู้เย็นที่จะกลั่นเหล้าที่ใสและแรงที่สุดที่นี่.
ที่นี่ไม่เพียงแค่อธิบายความหมายทั่วๆไปและขั้นตอนของเหล้าแต่ยังจัดแสดงแล้วก็ขายเหล้าด้วย.
ผมสามารถเห็นความคล้ายคลึงของเหล้าที่ได้รับความนิยมเช่นDaepo และSansachun.พวกนี้เหมือนกับเหล้ายาที่มีกลิ่นของบาสมุนไพร.ถ้าคุณดูรอบๆ,มีขวดเหล้าสวยๆรวมถึงMakgeolli.
เมื่อคุณเกือบที่จะชมเสร็จ,คุณก็จะเห็นสถานที่สำหรับใส่ตั๋ว.ผมไม่รู้ว่าค่าเข้านั้นสำหรับชิมหรือดูแต่เมื่อคุณจ่าย,คุณจะได้ถ้วยสวยๆและขวดเหล้าเล็กๆ.เย้~!!
ตอนนี้เมื่อไฮไลท์ของที่นี่เริ่มขึ้น.เรายืนอยู่ใกล้ๆบาร์และเริ่มชิมเหล้า.มีเหล้าอยู่หลายชนิดแม้ว่าคุณจะลองแค่ชนิดละแก้ว,คุณก็ควรระวังไว้.
อย่างแรกที่ผมเห็นคือเหล้าที่เก็บไว้ในตู้ทำความร้อน.ส่วนใหญ่เป็นเหล้ายา.และเหล้าดิบ,ส่วนของนิทรรศการ,ก็ได้ถูกเก็บไว้ที่นี่.
และเหล้าแดงที่มีชื่อว่าCheondaehongju ก็อยู่ในถังน้ำแข็ง.เหล้าดั้งเดิมเหล่านี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ300ปีก่อนตามจากหนังสือชื่อImwonsipyukji(林園十六志) และมันก็เข้าได้ดีกับปลาย่างและเนื้อ.
มีเหล้าหลายชนิดที่ทำจากผลไม้ต่างๆ.อันที่ผมชอบมากที่สุดคือ"เหล้าแพร์"ที่คุณสามารถนึกถึงรสชาติได้เพียงแค่ได้ยินชื่อมัน.
มันเป็นเหล้า 19.5 ดีกรี,ซึ่งค่อนข้างสูง,แต่ผมดื่มแค่หนึ่งแก้วเพราะอากาศที่เย็นและความหนาว.ผมสามารถที่จะรู้สึกถึงกลิ่นนุ่มๆของแพร์และรสหวานๆแต่มันก็ยังเป็นเหล้าอยู่ดี~
นอกจากเหล้ายา,ยังมีMakgeolli ที่มุมหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันว่าไวน์ข้าว.แปลกที่ว่ามันเป็นสีชมพูอ่อนๆเนื่องจากมันมีบลูเบอรี่ผสมอยู่.
Makgeolliควรที่จะเสริฟในขวดและถ้วยใหญ่ๆแบบนี้.....ผมอยากที่จะดื่มมันจะแย่แล้ว.
ผมไม่มีทางเลือกแต่ลองชิมในถ้วยแบบที่มีให้และมันก็ไม่แย่ที่จะเห็นสีชมพูอ่อนในแก้วใส.
ในหมู่เหล้าต่างๆที่ไว้สำหรับชิม.ผมชอบBingtanbok นี้มากที่สุด.ที่ขวดบอกว่ามันคือไวน์สตอรเบอรี่คาร์โบเนทหมักที่อุณหภูมิต่,ไวน์ผลไม้ชนิดหนึ่ง.ผมควรที่จะบอกว่ามันเป็นไวน์ที่ค่อนข้างหวานใช่มั้ย?ผมพนันว่าผู้หญิงจะรักมัน.
มันเป็นตัวอย่างแต่เมื่อตอนที่ผมเกือบจะเบื่อ,ผมก็เจอโต๊ะขนมที่ทางด้านขวา.
มันไม่ใช่การจัดเลี้ยงหรูแต่มันมีขนมสองสามอย่างประกอบด้วยขนมเผ็ดและกรอบ.โดยเฉพาะขนมอันนี้อร่อยมาก.
ซอสนั้นหวานและเปรี้ยวที่คุณสามารถเอาขนมปังจุ่ม.แต่คุณต้องระวังที่ว่าขนมเหล่านี้ทำจากSuljjigaemi,ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหล้า.ดังนั้นคุณอาจจะกินขนมเหล้าหลังจากที่ดื่มเหล้า.
ผมปิดกล้องไป,ผมเดินไปรอบๆดื่มอึกสองอึก,ผมรู้สึกเหมือนเริ่มเมาแต่ผมคิดว่ามันทำให้ผมหายหนาว.
เราออกจากห้องด้วยแก้มแดงๆและเดินตามทางที่เชื่อมไปยังด้านนอก.มีเครื่องมือและคำอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนการทำเหล้าทั้งสองข้างทางเดิน.
ผมไม่รู้ว่ามันยังทำงานได้มั้ยเนื่องจากป้ายบอกว่า "ระวังไหม้",อุปกรณ์รูปร่างแปลกๆนี้จะต้องยังใช้ได้อยู่.
คุณไม่ควรที่จะพลาดสิ่งเหล่านี้หลังชิมเพราะคุณจะพลาดส่วนสำคัญของนิทรรศการเนื่องจากมีเครื่องมือและคำอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดขั้นตอนและวิธีที่คุณไม่สามารถเห็นในห้องจัดแสดง.บวกกับคุณสามารถที่จะดูเครื่องมือได้ใกล้ๆที่มันได้ถูกใช้ที่นี่จริงๆ.
ตรงสุดทางเดิน,มีโปสเตอร์ที่น่าสนใจแขวนอยู่บนฝาผนังสำหรับคนรุ่นใหม่และสังคมใหม่ๆแทนที่จะเป็นมรดกจากโบราณ.
มันยังบอกว่ารายการทีวีชื่อดัง Infinite Challengeได้มาถ่ายที่นี่.ผมดีใจที่ได้เห็นรูปถ่ายของ Yu Jae-seok, Jeong Hyeong-donและคนอื่นๆ.
หลังจากทัวร์มานานที่ Sansawon,เรามุ่งหน้าไปยังจุดหมายอื่น, Sansajeongwon (สวนSansa).พื้นที่ Sansajeongwonยังถูกปกคลุมด้วยหิมะเป็นเวลาสองสามวัน.
ที่มุมหนึ่งของสวน,มีเครื่องมือเก่าๆและใหญ่ที่ดูเหมือนtobe ที่ใช้ในหนังแต่เราไม่รู้จักน่าจะเป็นเพราะมันอยู่ด้านนอกและไม่ได้จัดเตรียมไว้.
มันเหมือนถูกทิ้งไว้ภายใต้ฝุ่นสีขาวแต่มันจะต้องเคยมีเด็กที่ทำงานดีดีทุกวันภายใต้สิ่งก่อสร้างของหนึ่งในช่างไม้ใหญ่.
ทุกๆอย่างมีความหมายของมันแต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือวงกตของหม้อที่เรียงเป็นแถว,Sewollang.
ที่นี่ที่มีหม้อใหญ่ๆเท่าคนกว่า500หม้อเรียงอยู่เหมือนเขาวงกตนไม่เพียงดึงดูดเพียงพอที่จะดึงความสนใจจากนักท่องเที่ยวแต่ยังเป็นตัวแทนของSansawon.
Sewollangถูกสร้างโดยไม่มีกำแพงโดยใช้ต้นสน88ต้นตามHaeinsa Beopgye-do และหม้อก็เรียงอยู่ในทุกๆมุมซึ่งดูน่าสนใจ.
หม้อใหญ่มีความหมายของความงามของสิ่งก่อสร้างและสิ่งที่น่าประหลาดใจหรือเหล้าที่อยู่ด้านในหม้อ.
บวกกับหลายๆอย่างที่ซ่อนอยู่ตามมุมของเขาวงกตนี้ในรูปแบบต่างๆ.และเมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาใกล้,มันก็จะแสดงธีมและคำอธิบายโดยอัตโนมัต.
เขาวงกตนี้จริงๆแล้วเป็นทางที่เชื่อมกับทางเข้าและทางออกของนักท่องเที่ยวเพื่อที่จะได้เดินตามทาง.ดังนั้นถ้าคุณเดินตามหม้อจากทางเข้า,คุณก็จะได้ดูรอบๆสถานที่.
หม้อเป็นร้อยทั้งหมดเป็นสีน้ำตาลแต่มีอันเดียวที่เป็นสีขาวตรงกลาง.ด้านนอกหม้อใหญ่อันนั้น,มีข้อความมากมายเขียนไว้โโยผู้คนที่เคยมาที่นี่.
ระฆังบนหัวของพวกเรากำลังแกว่งโดยลมหนาวตามด้วยรูปปั้นปลาทำให้ภาพนั้นดูงดงาม.
ถ้าคุณเดินตามทางเขาวงกต,คุณก็จะมาถึงตรงกลาง.มีโต๊ะกลมๆตรงกลางที่ผมไม่รู้ว่ามีไว้ทำไม.แต่ส่วนล่างดูแปลกๆ.
ถ้าคุณดูใกล้ๆอาจจะคิดว่ามันเป็นอิฐรูปร่างแปลกๆ,ผิวหน้านั้นแปลกจากกำแพงทั่วไปซึ่งทำจากขวดสีดำคว่ำอยู่บนขวดพลาสติก.พวกนี้จะต้องเป็นขวดเหล้าใช่มั้ย?
เสาไม้สามต้นที่ด้านหลังเพราะว่าต้องการเลียนแบบลำน้ำ(川) ตามข้อสันนิษฐานของภูมิประเทศ.
ถ้าคุณผ่านเสาทั้งสามที่ดูเหมือนตัวอักษร,คุณก็จะเห็นสวนใหญ่ๆและอาคารแบบเกาหลี.อาคารสองชั้นเป็นอาคารรูปแบบเกาหลีที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้.
ผมไม่รู้ว่ามีไว้ทำไมแต่โต๊ะด้านในดูเหมือนว่าที่นี่เปิดสำหรับกิจกรรมแก่สาธารณะชน.แต่มันมีล็อคเกอร์ใหญ่ๆเมื่อตอนที่ผมไป.
แล้วเราก็มุ่งหน้าไปยังศาลาสองชั้นเรียกว่าUgokru ที่เปิดให้สาธารณะชนตลอดเวลา.ผมไม่รู้ว่าถ้ามันแข็งหรือน้ำหนักผมเยอะเกินไปแต่ไม้นั้นทำเสียงเลาที่ผมเดิน.
แต่ทันทีที่ผมมองข้างล่างที่สวนด้านหน้า,ผมก็สามารถเห็นวิวชัดๆของภูเขา Unakตรงหน้า.วิวที่นี่เมื่อตอนมีหมอกปกคลุมภูเขา Unak,หนึ่งในห้ายอดเขาของ Gyeonggi-do, นั้นเป็นที่รู้กันว่าสวยที่สุด.
มีอาคารชื่อว่าJaseongjae ที่สร้างตาม Nakseonjaeของพระราชวัง Changdeokgung.รู้กันว่าอาหารและเหล้าที่หมักกับ with suljigemi(เค้กไวน์ข้าว)ที่ใต้ดินแต่มันปิดดังนั้นผมจึงไม่สามารถที่จะดูข้างในได้.
ที่ทางขวาของศาลา,มี Yusanggoksuที่มีรูปร่างคล้ายกับศาลาPoseokjeong ใน Gyeongju ปกคลุมไปด้วยหิมะแทนที่จะเป็นน้ำ.คุณต้องแต่งกลอนเมื่อตอนที่คุณออกไปล่องลำน้ำกับเหล้าที่ตรงทางเข้าจนจบ,ซึ่งมันใช้เวลาประมาณ1นาที.มันเป็นไปได้มั้ย?
ที่ด้านขวาตรงหน้าศาลา,มีอาคารชื่อChuiseongak ตามบ่อน้ำ.ที่นี่,คุณสามารถดื่มชา,เหล้าภายใต้ลมที่สดชื่นขณะที่คุณดูวิวเมื่อคุณเปิดหน้าต่างที่สร้างเลียนแบบศาลา Soswaewon Gwangpunggak,สวนโบราณในDamyang ที่เราเคยไปครั้งหนึ่ง.
อาคารที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวที่ฝั่งตรงข้ามเรียกว่าBuandang, เป็นที่เก็บของของคนรวยใน Buan แห่ง Jeollabukdoที่ย้ายมา.รูปเก่า,ยกเว้นชิ้นส่วนที่ซ่อมแซม,คงอยู่ตั้งแต่สมัยปี1877, ซึ่งหมายถึงอายุ130ปี,ที่ที่การกลั่นแบบใหม่และบทความที่Makgeolli บริวเวอรี่เป็นเจ้าของได้ถูกจัดแสดงไว้.
และมีต้น 12 Mayได้ถูกปลูกไว้200ปีซึ่งมันได้ถูกตั้งชื่อตาม.ถ้าอากาศอุ่นขึ้น,มันก็จะเป็นสถานที่ที่ดีในการพักผ่อนไม่เพียงแค่ชมวิว..
มีหลายประเทศรวมถึงญี่ปุ่นที่ให้ความสนใจในเหล้าของเกาหลีตั้งแต่สองสามปีที่แล้ว.โดยเฉพาะ Makgeolliก็เป็นที่นิยมโดยคนหนุ่มสาว.ถ้าคุณมีเพื่อนต่างชาติหรือถ้าคุณมีโอกาสไปที่Pocheon,อย่าเกรงที่จะไปที่Sansawon มีสิ่งต่างๆให้ดูและทำ,และชิมเหล้าเกาหลีโบราณและสนุกกับรสชาติของศิลปะ.
แผนที่ : link
ที่อยู่ : 512, Hwahyeon-ri, Hwahyeon-myeon, Pocheon-si, Gyeonggi-do
โทรศัพท์ : 031-531-9300
เวลาทำการ: 08:30~17:30
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 2,000วอน/ เด็กฟรี
เว็บไซต์ : website