ฝนหยุดตกแล้ว.โชคดีที่ว่าสถานที่ต่อไปนั้นคือ「5.18สวนอิสรภาพ」 ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยที่จะมีส่วนด้านนอก.
ผมเลือกGwangju สำหรับทริปนี้เพราะว่าสวนนี้เป็นสถานที่ที่สามารถจะหาร่องรอยของ " การเรียกร้องประชาธิปไตย 5.18 Gwangju”. 'Gwangju Gwangyeoksi' นั้นนำพาประชาธิปไตยมาสู่จิตใจ.
จริงๆแล้วทุกๆที่ใน Gwangjuประกอบไปด้วย Chungjangnoที่วุ่นวายมีร่องรอยทางการเรียกร้องประชาธิปไตย,แต่โดยเฉพาะที่สวนนี้ที่มีส่วนการทหารและการ์ด เฮาส์ ที่เป็นฐานหลัก.มันยังมีที่ที่มีความหมายอย่างเช่นศูนย์รำลึกทางวัฒนธรรมและสุสาน.ที่อื่นๆนั้นค่อนข้างไกลจากที่นี่,ดังนั้นผมจึงตัดสินในที่จะดูรอบๆสวนอิสรภาพในครั้งนี้.
บนถนน,ที่ตรงทางเข้าสวนซึ่งไม่ได้ต่างจากอพาร์ทเมนท์,มีรูปปั้นใหญ่กับสัญลักษณ์รูปร่างกลุ่มดาวจรเข้เพื่อแสดงถึงการเสียสละทั้ง7ของ'Deulbulyahak'.ซึ่งพวกเขาเป็นตัวหลักในการเรียกร้องประชาธิปไตย.
เลยรูปปั้นไป,มีเพียงแค่ทุ่งกว้างๆ.อาคารนั้นต้องตั้งอยู่ในทุ่งนี้.นอกจากนั้น,มี อาคาร"ห้องอิสรภาพ"แดงไกลออกไป.ที่นี่แสดงถึงขั้นตอนการเรียกร้องประชาธิปไตยและความโหดร้ายของมาตรการทหารในสมัยนั้น.
เมื่อเข้าสู่อาคารผ่านประตูกระจกหนาๆ,คุณจะเห็นภาพใหญ่ที่จะให้ความรู้สึกของอารมณ์ในสมัยนั้นและอารมณ์ที่นึกถึงสมัยก่อน.
ที่ดต๊ะปราชาสัมพันธ์,มีหนังสือผู้เยี่ยมที่มีชื่อของผู้มาเยี่ยมชมที่นี่มากมาย.เราเซ็นชื่อของเราในหนังสือและมุ่งหน้าต่อไปยังจุดแสดงนิทรรศการ.
ห้องจัดแสดงเหล่านี้นั้นค่อนข้างเล็กและผมมีแผนที่จะไปยังศูนย์ระลึกทางวัฒนธรรม 5.18ที่ซึ่งผมจะได้รับข้อมูลมากขึ้นดังนั้นผมจึงชมรอบๆด้วยความรู้สึกเบาใจ.
นี่เป็นงานพิมพ์ที่แสดงถึงวันที่ทำการเรียกร้อง.มันดูเหมือนว่าสีแบบนี้ทำให้รู้สึกทราบซึ้งมากกว่าอันที่มีสีสัน.
มันค่อนข้างเงียบเพราะมีแค่เรา.บนฝาผนัง,มีข้อมูลและรูปภาพที่อธิบายว่าอะไรเป็นต้นเหตุของการเรียกร้องและมาตรการทางทหารนั้นเป็นอย่างไรที่ต่อต้านประชาชนด้วยมาตรการพิเศษและรถถัง.
ประชากรGwangjuนั้นได้เข้าร่วมในการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในการล้มเลิกกฎอัยการศึก,การลาออกของประธานาธิบดี,และการปลดปล่อย Kim Dae-jung. มาตรการทางทหารนั้นตอบสนองในความต้องการของการเรียกร้องด้วยกฎอัยการสูงสุดและ 'Decree Number 10'.
จำนวนของเหยื่อนั้นเพิ่มขึ้นจากการปราบปรามและรุนแรงมากขึ้น.พวกเขาโดนใส่ความว่าเป็นไส้ศึกและการใสความเรื่องการก่อจราจล.
มันดูแย่มากเพราะมีรายละเอียดของเหยื่อที่บริสุทธิ์และประชาชนและการสังหารเด็กเป็นจำนวนมาก.
Chodingiดูภาพรอบๆทีละภาพตามคำสั่งของงาน.มันน่าเสียดายที่มีเพียงแค่เรามาที่นี่.
ไรเฟิลM1,ไรเฟิล M16ที่เคยใช้และกระสุนได้ถูจัดแสดงในกล่องกระจก.
เครื่องแบบและตะบองที่ถูกขนส่งมาทางอากาศโดยมาตรการทางทหาร.ทหารผู้ที่ซึ่งปกป้องประเทศได้ถูกฝึกให้ปราบปรามประชาชน.
ผมไม่อยากเชื่อที่ประชาชนและนักเรียนที่ถูกจับกุมนั้นใส่เสื้อผ้าเหมือนกับนักโทษในยุคการครอบครองของญี่ปุ่น.
แน่นอนที่สุดมีการเคลื่อนไหวคล้ายๆกันนี้หลายครั้งในหลายๆภูมิภาคของเกาหลี,แต่ Gwangjuนั้นเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดที่พื้นที่ส่วนใหญ่นั้นเสียหาย.นั่นทำไมมีรายงานเกี่ยวกับปัญญาชนของGwangju และ Jeollanam-do หลงเหลือไว้.
ประชาชนในเมืองอื่นและจังหวัดอื่นไม่สามารถทราบข่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวในช่วงการถูกควบคุมทางด้านการข่าวและปิดล้อมพื้นที่.
ทางเดียวที่จะสามารถได้ยินข่าวก็ผ่านทางสื่อต่างชาติหรือรายงานข่าวต่างชาติเท่านั้น.นี่เป็นประวัติศาสตร์ที่มืดมัวของเกาหลี.
เราออกจากห้องอิสรภาพและย้ายไปยังแคมป์ที่เคยใช้จริงและการ์ด เฮาส์ของทางทหารและศาลทหาร.
ผ่านตรงทางเข้า,มีหุ่นที่จำลองเหตุการณ์การจับกุมบนหญ้า.ประชาชนโดนจับโดยทหารที่มีปืน.
บนรถบรรทุกใหญ่ๆ,ทหารให้ผู้ชายคนหนึ่งหันหลังและชายในเสื้อสีเรียบๆก็งอเข่าและคอ.
อาคารแรกที่ผมเห็นด้านในคือศูนย์กลางทางการทหาร.มันเป็นแบบห้องสอบสวน.มีการปฏิบัติ,การข่มขู่,และการทรมานเกิดขึ้นมากมายที่นี่.
ในอ๊อฟฟิศ,มีเซนเซอร์ที่อธิบายเกี่ยวกับสถานะการณ์ในเวลานั้นและอาคารผ่านลำโพงเมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปใกล้.มันช่วยได้มากที่ได้เห็นรอบๆอ๊อฟฟิศ.
ด้านหนึ่งของสวน,คุณจะเห็นทหารผู้ซึ่งประทับตราและปฏิบัติการที่โหดร้าย,เรียกว่า Wonsanpokgyeok.
อาคารต่อไปเป็นห้องโถงของทหาร.ที่นี่ก็ไม่ได้รับการยกเว้น.
มันก็ถูกใช้เป็นห้องสอบสวนชั่วคราวเนื่องจากมีน้ำและจำนวนของนักโทษ.
หุ่นที่ดูน่ากลัวมากที่สุดในพิพิธภัณฑ์คือคนที่ทำการทรมาน.
บางครั้งคุณสามารถที่จะทำข้าวปั้นได้ด้วย,แต่มันดูเหมือนว่ามันจะไม่มีงานในวันนี้.
มันถึงเวลาที่จะดูสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ,การ์ด เฮาส์ที่ที่ซึ่งไว้ขังผู้คน.กำแพงที่ติดกับการ์ด เฮาส์นั้นล้อมรอบไปด้วยรั้วลวดหนาม.
คุณสามารถเห็นหุ่นทห่รที่รักษาความปลอดภัยอาคารจากที่สูง.ผู้คนคงจะสั่นเทาด้วยความกลัว.
การ์ด เฮาส์ มีห้องน้ำแต่มันดูเล็กมากเทียบกับจำนวนของคน.มันคงจะต้องลำบากสำหรับพวกเขา.
การ์ด เฮาส์ดูเหมือนกับโลกขนาดเล็กของเรือนจำ Seodaemunที่ซึ่งผมเคยไป.โต๊ะกลมๆถูกจัดไว้อยู่ด้านใน.โครงสร้างนี้ทำให้ผู้คุมสามารถที่จะเฝ้าดูผู้คนได้ด้วยเพียงแว๊บตา.
เลยจากหน้าต่างซี่กรงไปเป็นคุกที่เป็นรูปพัด,มีหุ่นที่มีหน้าที่ฉาบไปด้วยความเศร้า.มันเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียวสันหลัง.
มันดูเหมือนว่าชายผู้นั้นห้อยลงมาจากลูกกรงที่กำลังถูกทำโทษ.มีนักโทษหลายคนกำลังคุกเข่าและเครื่องมือทางทหารมากมายด้านหลังพวกเขา.
ที่นี่คือค่ายทหารที่ซึ่งทหารพักอยู่.มันไม่มีอะไรมากนักเทียบกับที่อื่นแต่อย่างน้อยมันดูปกติ.
ด้านหนึ่งของฝาผนังนั้นถูกตกแต่งเหมือนค่ายทหารทั่วๆไปด้วยไรเฟิลM16,แต่ที่นี่ก็เคยถูกใช้เป็นห้องสืบสวนและสถานที่ทำการทรมาน.ไม่เหมือนกับอาคารอื่นๆ,มันไม่มีประกาศที่นี่.เราต้องอ่านคำอธิบายเอาเอง.
เราเกือบที่จะพลาดแล้วแต่หนึ่งในผู้จัดการบอกเราว่ามันคือสาลทหาร.มันถูกสร้างตามแบบนี้ในละคร.
ภายใต้กฎอัยการศึกคนธรรมดานั้นเหนื่อยกับการถูกกดขี่และการปราศจากเหตุผลในศาลทหาร.ผมบอกได้ว่าช่วงเวลานี้เป็นยุคมืดเมื่อทุกๆอย่างรวมถึงสิทธิของคนได้ถูกทิ้งดิ่งลงไป.
ในแถวด้านหน้า,มีหุ่นที่ดูตื่นกลัว.ผมสามารถจินตนาการว่ามันจะน่ากลัวและตื่นกลัวขนาดไหน.
จิ้งจกโผล่ออกมาที่ด้านหน้าของศาลทหาร.สิ่งที่ผมดูในสวนนี้เป็นส่วนเล็กๆที่เกิดขึ้น,แต่ผมได้เห็นหลายๆสิ่งมากกว่าที่ผมคาดไว้.ผมรู้สึกเศร้าที่มีเพียงสามถึงสี่คนที่มาที่นี่.ผมนำฝีเท้าของผมทีละก้าวมุ่งหน้าสู่สถานที่ต่อไปด้วยความหวังที่ว่าสวนอิสรภาพ 5.18 จะมีนักท่องเที่ยวมากกว่านี้.
แผนที่ : click
ที่อยู่ : 1161-6, Chipyeong-dong, Seo-gu, Gwangju-si
โทรศัพท์ : 062-376-5183
เวลาทำการ: 9 โมงเช้า ~ 6 โมงเย็น
ค่าเข้า : ฟรี