Holiday Journal

Holiday Journal
Hi, Lets look around cool places in Korea together with me! :)
14438 | 19895326

Gyeongju #5 - วัดBulguksa ,Yoo Soo Jung Ssambap - (Korea Tour)
 | Holiday Journal
แก้ไขล่าสุด : 2017/03/28

สถานที่ท่องเที่ยว : South Korea
 | จำนวนผู้ชม : 396769
https://blog.lookandwalk.com/th/blog/mazinguide/1937/trackback

วัดBulguksa 불국사


ถ้าทุกคนในประเทศมารวมกันและตอบปัญหา,อาจจะทุกคนที่จะตอบวัดBulguksaที่คำว่า‘Gyeongju’. วัดBulguksa แน่นอนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของ Gyeongju. รวมทั้ง,มีร้านอาหารมากมายและที่พักที่มีชื่อของวัดBulguksaใกล้กับวัดและแม้แต่ชื่อของสถานีรถไฟก็ถูกเปลี่ยนเป็นสถานีวัดBulguksa.ผลกระทบต่อชุมชนจากวัดแน่นอนมันมากทีเดียว.



วัดBulguksaนั้นตั้งอยู่ตรงตีนเขาของภูเขาTohamsan ,ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของGyeongju. วัด Bulguksaนั้นสร้างโดย Kim Daeseong,นายกรัฐมนตรีของกษัตริย์Gyeongdeok ในสมัยการรวมตัว Silla. วัดBulguksa กลายเป็นมรดกโลก,ควบคู่ไปกับถ้ำ Seokguramในปี1995.


ด้วยการเดินทางสาธารณะจากท่ารถ Gyeongjuมันจะมาถึงที่ลานจอดรถใน 30~40นาที .ที่ด้านหน้าของป้ายรถเมล์,มีโต๊ะประชาสัมพันธ์ของวัด Bulguksa.
ที่ทางด้านซ้ายของโต๊ะประชาสัมพันธ์มีถนนทางเข้าเป็นเนินเตี้ยๆ.และมีทางเข้าหลักกับประตูวัดที่กล่าวถึงเทวดาทั้งสี่ทางด้านขวา,ซึ่งยาวกว่า.


ทางเข้าหลักไม่ใช่ทางขึ้นเขาสูง,ดังนั้นผมแนะนำให้เข้าทางหลักที่คุณสามารถเห็นประตูวัดเพื่อเทวดาทั้งสี่และวัดทางด้านหน้า.
แต่สำหรับคนที่ชอบวัดเงียบๆอาจจะต้องผิดหวัง,เพราะมีร้านค้าตามถนนมากมาย,เนื่องจากวัด Bulguksaมีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยว.



แต่นั่นคือชีวิต,ถ้าคุณยืนอย่างมั่นคงและเดินต่อไป,วิวสวยๆก็จะปรากฎให้เห็น.ที่ทั้งสองด้านทางขึ้นเขามีดอกเชอรี่ใหญ่ๆที่ยาวกว่าดอกเชอรี่,เบ่งบานเป็นสีชมพูอยู่ทั่วไป.



แต่นั่นคือชีวิต,ถ้าคุณยืนอย่างมั่นคงและเดินต่อไป,วิวสวยๆก็จะปรากฎให้เห็น.ที่ทั้งสองด้านทางขึ้นเขามีดอกเชอรี่ใหญ่ๆที่ยาวกว่าดอกเชอรี่,เบ่งบานเป็นสีชมพูอยู่ทั่วไป.

เมื่อเราผ่านอุโมงค์สีชมพูและพรมสีชมพูที่เกิดจากดอกเชอรี่,ก็มาถึงทางเข้าวัด Bulguksa.ทางด้านขวาของที่ขายตั๋วมีทางเดินเล็กๆ,ขึ้นไปทางถ้ำ Seokguram,มรดกของวัด Bulguksa .จากวัด Bulguksaไปยังถ้ำ Seokguramใช้เวลา20นาทีโดยรถ,50นาทีถ้าเดินไป.คุณสามารถนั่งรถบัส( สาย12) ที่ออกจากลานจอดรถทุกๆ40นาที.



หลังจากผ่านทางเข้าวัดBulguksa,ปราสาทเล็กๆก็มาให้เห็นก่อนที่ที่ใครหลายๆคนถ่ายรูป.อ้า~ปราสาทนี้ทำให้ผมนึกถึงเมื่อตอนที่ผมมาที่นี่ตอนที่ยังเรียนหนังสือ.



ผ่านสะพานที่ข้ามปราสาทไป,มีประตูวัดที่มีรูปเทวดาทั้งสี่,ทางเข้าของวัด.และเมื่อวันประสูติของพระพุทธเจ้านั้นห่างไปแค่อีกหนึ่งอาทิตย์,มีโคมไฟดอกบัวหลากสีห้อยอยู่รอบๆวัด Bulguksa.



อย่างวัดอื่นๆ,มีรูปปั้นของเทวบารทั้งสี่ที่ทางเข้าวัดแสดงถึงเทวดาทั้งสี่และฝุ่นที่จับหนาที่รูปปั้นแสดงให้เราเห็นว่ามีคนมาที่วัด Bulguksaมากขนาดไหน.


เสาธง( 3.6เมตร)นั้นตั้งอยู่ที่ทางด้านซ้ายของประตูวัดแสดงถึงเทวดาทั้งสี่,ซึ่งใช้สำหรับงานและพิธีกรรมที่วัด.เสาธงของวัด Bulguksaนั้นดูว่าเก่า,แต่รอยย่นและขนาดนั้นแตกต่างกัน,ดังนั้นพวกมันจึงถูกคาดว่ามาจากยุคที่ต่างกัน.



ที่ด้านหลังของเสาธงมีจุดที่เป็นที่นิยมในการถ่ายรูปหมู่.ทางหินเชื่อมกับJaamun. บันไดนั้นมีสองส่วน,ส่วนบนคือChungwoonkyo, และส่วนล่างเรียกว่าBaegungyo.พวกมันเป็นสมบัติแห่งชาติหมายเลข23.


วัดBulguksaนั้นเป็นวัดที่เป็นโลกของพระพุทธเจ้า.ภายใต้Chungwoonkyo และBaegungyo หมายถึงโลกของบุคคลธรรมดา,และด้านบนหมายถึงแผ่นดินของพระพุทธเจ้า.นั่นทำไมคนควรจะเดินผ่านที่Chungwoonkyo และBaegungyo และJaamun, เพื่อเข้าสู่ดินแดนของพระพุทธเจ้าในทางตอนเหนือ.


มันห้ามเข้า,เพื่อป้องกันสถานที่ทางวัฒนธรรม,แทนที่นั้นเราเดินไปตามทางตรงทางด้านขวาเพื่อไปยังส่วนของ Daeungjeon.แล้วเราก็เห็นหอหินใหญ่ๆ.



ใกล้กับหอ,เราได้ยินหลายๆคนพูดว่า“10 วอน~ 10 วอน”. เนื่องจากคนส่วนใหญ่รู้แล้ว,Dabotap(สมบัติแห่งชาติหมายเลข20),ส่วนหลักของ10 วอนนั้นแสดงให้เราเห็นถึงความยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเรา.



ตรงกลางของหอ,มีรูปสลักสิงโต,มันเคยมีสิงโตอยู่สี่ตัวในแต่ละด้าน.แต่สิงโตตัวอื่นๆได้หายไป,เหลือตัวสุดท้ายเพราะว่ามันไม่มีค่าอะไร,เพราะว่าตรงส่วนจมูกได้หักไป.ผมรู้สึกว่าเราต้องรักษามรดกทางวัฒนธรรมของเราให้ได้.



หอหิน Seokgatapอีกแห่งหนึ่ง(สมบัติแห่งชาติหมายเลข21) ซึ่งอยู่ถัดจากวัด Bulguksaนั้นน่าเสียดายที่กำลังอยู่ภายใต้การซ่อมแซม(จากปี 2011จนถึงเดือนธันวาคมปี2014),ดังนั้นจึงมีคนเฝ้าอยู่รอบๆ.
Dabotapนั้นมีความงามที่หรูหราและ Seokgatapยังถูกเรียกว่า Muyeongtapมีความงามที่เรียบง่าย,ความรู้สึกนั้นจะมีมากกว่านี้ถ้าเราได้เห็นมันด้วยกัน.ดังนั้นผมจึงค่อนข้างผิดหวังที่Seokgatap กำลังซ่อมแซมอยู่.
Musiljeonที่อยู่ด้านหลัง Daeungjeon(สมบัติแห่งชาติหมายเลข1744)ก็กำลังซ่อมแซมอยู่เช่นเดียวกัน.


เหมือนกับ Chungwoonkyo และ Baegungyoคามทางขึ้นไปสู่Daeungjeon, Geungnakjeonนั้นอยู่ทางซ้ายของ Daeungjeonและต้องขึ้นมาที่ Yeonhwagyoและ Chilbogyo(สมบัติแห่งชาติหมายเลข 22) เพื่อไปยังอาคาร.



วัดBulguksa Geungnakjeonนั้นเคยเป็นที่นิยมโดยเฉพาะเมื่อปี 2007,ปีหมูทอง.รูปปั้นสัมริดของ Amitabhaนั่ง(สมบัติแห่งชาติหมายเลข27),ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของพระพุทธรูปสัมริดของยุคสมัยSillaนั้นอยู่ในGeungnakjeon.



มันห้ามถ่ายรูปด้านใน,เราหาเรื่องสนุกได้อีกอย่างด้วยการหาหมูทองที่ซ่อนอยู่ด้านหลังป้าย Geungnakjeon.



ด้านหลัง Geungnakjeonคือ Nahanjeon,ที่ซึ่งผู้ติดตามพระพุทธเจ้านั้นอยู่.ทางด้านซ้ายของNahanjeon เป็นกองหินเล็กๆซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า Nahanjeon.



มีกองหินที่วางไว้เวลาผู้มาเยี่ยมชมมาและทำกองหินเพื่ออธิษฐาน.ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ,ผมก็ยังอธิษฐานเล็กน้อยและกองหินไว้.



เมื่อคุณเข้าไปยัง Birojeon, จะมีเจดีย์Sarira (สมบัติหมายเลข61)ซึ่งไปยังญี่ปุ่นเมื่อปี1905 และกลับมายังเกาหลีเมื่อปี1933, ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่ด้านหนึ่งโดยที่ไม่มีใครสนใจ.



และนั่นคือBirojeon,ที่ซึ่งพระพุทธเจ้าVairocana ,เป็นพระพุทธรูปที่สูงที่สุดและสร้างจากสัมริดในแบบนั่ง(สมบัติแห่งชาติหมายเลข 26), อีกหนึ่งพระพุทธรูปสัมริดในระหว่างยุคSilla ที่ได้ถูกรักษาไว้.



ด้านในสุดของวัดBulguksaคือ Gwaneumjeon,ที่ซึ่งAvalokiteśvara,นักบุญทางศาสนาพุทธที่ช่วยมนุษย์โลกเอาไว้.แต่Gwaneumjeon ก็อยู่ภายใต้การซ่อมแซมด้วย.



ระหว่างทางลงมาจากวัด Bulguksaมี Beomjonggakอยู่ทางด้านขวา,มันบอกเมื่อเวลาเช้ามาถึงวัด.



วัดBulguksa เป็นวัดที่บอกถึงคำอธิษฐานสามอย่างของดินแดนพระพุทธเจ้า.มีวัดหลักซึ่งเป็นโลกของความเจ็บปวดของพระศากยะมุณีตาม Sutraของดอกบัว,และ Geungnakjeonซึ่งเป็นดินแดนแห่งความสุขชองพระพุทธเจ้าอมิตาตามAmitagyeong. และGeungnakjeon,โลกของ Yeonhwajang ของพระพุทธเจ้า Vairocanaตามคัมภีร์Avatamsaka ที่อยู่ในวัด Bulguksa.



เพราะว่านั่น,วัดนั้นเปิดและสร้างใหม่บ่อยครั้งจากยุค Sillaจนถึงยุค Joseon.และเจ้าหญิงมากมายและกษัตริย์หลายองค์ได้เสนอการบูรณะให้กับวัดBulguksa.



หลังจากที่ดูรอบๆวัด Bulguksa,คำอธิษฐานของคนที่หวังถึงโลกของพระพุทธเจ้า,เรากลับลงมาทางประตูหลังที่มีข้อความว่า‘ภูเขาTohamวัด Bulguksa ’และไปยังลานจอดรถ.


เราพบนักบวชที่ใส่ชุดเหมือนพระทางพระพุทธศาสนากับผมขาวที่ลานจอดรถ.ลักษณะของเขาที่ยิ้มแล้วมองไปที่ภูเขาและห่อผ้าของเขาดูเหมือนว่ามีความหมายอะไร.วัดBulguksa นั้นมีอะไรให้เราเห็นมากมาย.....
เวลาในการเข้าชมวัด Bulguksaนั้นเปิดเวลา07:00~18:00 และค่าเข้าคือ 4,000วอนสำหรับผู้ใหญ่,ค่อนข้างแพงกว่าสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆนิดหน่อย.ที่มากกว่านั้น,ถ้ำSeokguram และวัด Bulguksaนั้นแยกส่วนกันและจะต้องเสียค่าเข้าอีกครั้ง.ผมคิดว่านี่เป็นนโยบายที่ผิด.และมีคิวทั่วไปหมดเนื่องจากมีการซ่อมแซมหลายส่วนเป็นการรบกวนนักท่องเที่ยวอย่างมาก,และข้อเท็จจริงที่ว่าเราไม่สามารถที่จะชม Seokgatapได้มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายในการมาเที่ยวที่วัด Bulguksaนี้.


Map

ที่อยู่: Gyeongju, Gyeongsangbuk-do jinhyeondong 15 (경상북도 경주시 진현동 15)
โทรศัพท์: 054-746-9913
เวลาทำการ: 07:00 ถึง 18:00 โฮมเพจ: http://www.bulguksa.or.kr/



Yoo Soo Jung Ssambap
유수정 쌈밥


เมื่อคุณลงมาจากวัด Bulguksa,มีร้านอาหารอยู่ตามปั๊มน้ำมันทางด้านขวาของทางไปศูนย์การท่องเที่ยว Bomun.



เรามุ่งหน้าไปยังYoo Soo Jung Ssambap, ตรงด้านหลังของปั๊มน้ำมัน.โดยปกติร้าน Ssambap ในGyeongju จะรวมกันอยู่แถวๆDaereungwon, แต่เราเลือกที่จะลองกินที่ร้านอาหารใกล้กับวัดBulguksa.



มีอาคารหลักและแอนเน็คเลลานจอดรถไป.เราเข้าไปที่อาคารหลัก.ร้านมีบรรยากาศแบบคาเฟ่ใกล้กับที่โซล,กับเพลงจากยุค 70~80’sออกมาจากลานจอดรถ.



ผ่านเคาท์เตอร์ไปและที่ด้านในเป็นสวนมีโต๊ะเหมือนกับ DJ BOX, กับแผ่นLP นับร้อย.ความรู้สึกเก่าๆนั้นดีแต่ก็ไม่ใช่ดีขนาดนั้น.......



ออร์แกนและหนังสือเรียนนั้นไม่ได้หาได้ง่ายๆในสมัยนี้.แต่สิ่งที่ตลกก็คือคือหนังสือนั้นที่วางไว้ตรงที่วางแผ่นเพลงนั้นเป็นธรรมชาติและหลักจริยธรรม,ไม่ใช่ดนตรี~~!



ตุ๊กตาที่กำลังใส่ชุดนักเรียนจากยุค7~80’ซึ่งทำให้คิดถึงวันเก่าๆและคิดได้ว่า Cheomseongdaeนั้นแสดงให้เห็นว่าเราอยู่ในGyeongju ที่ชื่นชมออร์แกน.


ตรงรั้วในสนาม,มีอ่างล้างหน้าที่มีบรรยากาศแบบลาติน.ตรงกลางของสวน,มีโตณะและบังกาโลรอบๆ.



ผมกังวลว่าถ้าเท้าผมเหม็น,เพราะว่าเดินมาทั้งวัน,แต่เมื่อเข้าไปที่บังกาโลที่อนุญาติให้ผมชาร์จแบตกล้องได้.วิ้ว,,,,,อย่างที่ผมคิด.....มันเผ็ด.


ผนังของบังกาโลนั้นตกแต่งไปด้วยลำไม้และเนื่องจากเป็นร้านอาหารที่ใกล้กับวัด Bulguksa,ภายในนั้นถูกทำให้เข้ากับความนิยมของชาวเกาหลี.



เนื่องจากชื่อของร้านนั้นคือSsambap,เมนูหลักก็คือSsambap. มีgridiron Bulgogi Ssambap และBulgogi Ssambap เนื้อแบบง่ายๆ,และถ้าคุณจ่ายเพิ่มอีก 4,000วอน,อาหารก็จะถูกเสริฟเป็นข้าวในหม้อร้อน.
มีเหล้าอย่างเช่นDongdongju และpajeon,เจลลี่จากข้าวโพดขายคู่กับชาและเครื่องดื่ม.แต่ราคานั้นไม่ได้ดูว่าจะถูกเท่าไหร่.



เราสั่ง Bulgogi Ssambapย่างสองที่ที่มีกลิ่นเหมือนไฟ,กับ Bulgogiเนื้อที่มีรสเผ็ดกว่าปกติ.และทุกอย่างก็มาเสริฟที่โต๊ะเราภายใน5นาทีขณะที่เรากำลังพัก,ดื่มน้ำเย็นๆ.



Bulgogi ที่มีกลิ่นเหมือนกับเขม่าไฟ.ไม่มีการตกแต่งที่พิเศษแต่รสชาติที่เผ็ดและไม่เลี่ยนนั้นดีทีเดียว.



มีผัก Ssamอยู่หลายชนิดประกอบไปด้วยผักกาดและพริกในตะกร้า.ไม่มีผักอะไรที่แปลกๆ,แต่มีอยู่หลายชนิด.ปริมาณนั้นเพียงพอ,ดังนั้นพวกเราจึงไม่ต้องขอเพิ่มในระหว่างที่กิน.



ผมเอาผักกาดและเนื้อและผักอื่นๆวางบนผัก Ssamสองแผ่นและเอามันเข้าปาก.เนื่องจากความหิวเป็นส่วนประกอบที่ดีที่สุด,ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้เอาอาหารเข้าปาก,ไม่สนใจรสชาติ.เมื่อคุณหิวมาก.Ssambap เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเอาเข้าปาก~!



สลัดเจลลี่,ที่ผักต่างๆถูกหั่นกับเจจลี่ที่ทำจากข้าวโพดและเครื่องปรุงอื่นๆ.รสชาติเปรี้ยวและหวานนั้นโอเคแต่มีแค่เจลลี่สองชิ้นในถ้วยใหญ่ๆ??และผมหวังว่ารูปร่างมันจะน่ากินกว่านี้....



เต้าหู้นิ่มGyeongju( ข้างทะเลสาบ bomun)ก็มีชื่อเสียงเหมือนกัน,ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีอะไรพิเศษ.ผมตัดสินใจที่จะไปทีหลังเมื่อผมมีเวลา,และเติมกระเพาะของผมด้วยเต้าหู้นิ่มนี้.



ผักที่ปรุงรสแต่ผมไม่รู้ชื่อมัน.มันมีรสขมๆหวานๆและรสชาติที่ครบเครื่องของซอสถั่วที่ผสมเข้าด้วยกัน,สร้างรสชาติที่ดี.


ปลาแมคคอเรลย่างมีในร้านอาหารอย่างน้ีตลอดเวลา,แต่มันยากที่จะหาปลาที่มีรสชาติแบบที่ผมชอบ,นอกจากมันจะเป็นร้านที่พิเศษ.รสชาตินั้นไม่แย่,แต่หนังนันแห้งไปหน่อยเพราะว่ามันไม่มีมันเหลือเลย.


โดยปกติอาหารที่อำเภอGyeongsang นั้นส่วนใหญ่เผ็ดและเค็ม,นอกเหนือจากรสชาติของเครื่องปรุงเอง,ดังนั้นร้านอาหารที่ Gyeongjuก็คงจะเรียกว่ายอดเยี่ยมไม่ได้.
แต่Ssambap มีรสชาติที่สดของผักและคงไว้ซึ่งรสชาติและกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ.และมันก็ทำให้เราอิ่มง่าย, Ssambapเป็นอาหารที่ยอดเยี่ยม.
เรากิน Ssambapกับน้ำเย็นๆสองขวดและนั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านหน้าของร้านกับกาแฟหวานๆในมือของเรา.
เราเช็คตารางเวลาของเราในขณะที่เรากำลังพักตอนบ่ายแก่ๆและเราก็ไปยังจุดต่อไป.


Map

ที่อยู่: 193-6 madong Gyeongju, Gyeongsangbuk-do (경상북도 경주시 마동 193-6)
โทรศัพท์: 054-771-0786
เวลาทำการ: 09:00 ถึง 18:00 (19:00 วันธรรมดา) / เดือนมีนาคมถึงเดือนธันวาคมวันเสาร์ 21:00 โฮมเพจ: http://www.matket.kr/usoojung




불국사, 절, 세계문화유산, 다보탑, 석가탑, 석탑, 칠보교, 연화교, 유수정쌈밥, 쌈밥, 불고기, 정식, BulguksaTemple, Temple, WorldCulturalHeritage, Dabotap, Seokgatap, stonepagoda, Chilbogyo, YuSuJeongSsambap, Ssambap, Bulgogi, dinner, Setmenu, 仏国寺, 寺, 世界文化遺産, 多宝塔, 釈迦塔, 石塔, 七寶橋, 蓮華橋, ユスジョンサンパプ, サンパプ, プルコギ, 定食, 佛国寺, 寺院, 世界额文化遗产, 释迦塔, 七宝桥, 莲华桥, 刘秀贞包饭, 包饭, 烧烤, 套餐, วัด, มรดกโลกทางวัฒนธรรม, dabotap, เจดีย์, chilbogyo, yeonhwagyo, yusujeongssambap, ssambap, บาร์บีคิว, อย่างเป็นทางการ
ความคิดเห็นหนึ่งบรรทัด(2) 
PDF
บุ๊คมาร์ค
อีเมล์
0bytes / 200bytes
ดูรายชื่อ