วัดBulguksaนั้นตั้งอยู่ตรงตีนเขาของภูเขาTohamsan ,ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของGyeongju. วัด Bulguksaนั้นสร้างโดย Kim Daeseong,นายกรัฐมนตรีของกษัตริย์Gyeongdeok ในสมัยการรวมตัว Silla. วัดBulguksa กลายเป็นมรดกโลก,ควบคู่ไปกับถ้ำ Seokguramในปี1995.
ด้วยการเดินทางสาธารณะจากท่ารถ Gyeongjuมันจะมาถึงที่ลานจอดรถใน 30~40นาที .ที่ด้านหน้าของป้ายรถเมล์,มีโต๊ะประชาสัมพันธ์ของวัด Bulguksa.
ที่ทางด้านซ้ายของโต๊ะประชาสัมพันธ์มีถนนทางเข้าเป็นเนินเตี้ยๆ.และมีทางเข้าหลักกับประตูวัดที่กล่าวถึงเทวดาทั้งสี่ทางด้านขวา,ซึ่งยาวกว่า.
ทางเข้าหลักไม่ใช่ทางขึ้นเขาสูง,ดังนั้นผมแนะนำให้เข้าทางหลักที่คุณสามารถเห็นประตูวัดเพื่อเทวดาทั้งสี่และวัดทางด้านหน้า.
แต่สำหรับคนที่ชอบวัดเงียบๆอาจจะต้องผิดหวัง,เพราะมีร้านค้าตามถนนมากมาย,เนื่องจากวัด Bulguksaมีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยว.
แต่นั่นคือชีวิต,ถ้าคุณยืนอย่างมั่นคงและเดินต่อไป,วิวสวยๆก็จะปรากฎให้เห็น.ที่ทั้งสองด้านทางขึ้นเขามีดอกเชอรี่ใหญ่ๆที่ยาวกว่าดอกเชอรี่,เบ่งบานเป็นสีชมพูอยู่ทั่วไป.
เมื่อเราผ่านอุโมงค์สีชมพูและพรมสีชมพูที่เกิดจากดอกเชอรี่,ก็มาถึงทางเข้าวัด Bulguksa.ทางด้านขวาของที่ขายตั๋วมีทางเดินเล็กๆ,ขึ้นไปทางถ้ำ Seokguram,มรดกของวัด Bulguksa .จากวัด Bulguksaไปยังถ้ำ Seokguramใช้เวลา20นาทีโดยรถ,50นาทีถ้าเดินไป.คุณสามารถนั่งรถบัส( สาย12) ที่ออกจากลานจอดรถทุกๆ40นาที.
หลังจากผ่านทางเข้าวัดBulguksa,ปราสาทเล็กๆก็มาให้เห็นก่อนที่ที่ใครหลายๆคนถ่ายรูป.อ้า~ปราสาทนี้ทำให้ผมนึกถึงเมื่อตอนที่ผมมาที่นี่ตอนที่ยังเรียนหนังสือ.
ผ่านสะพานที่ข้ามปราสาทไป,มีประตูวัดที่มีรูปเทวดาทั้งสี่,ทางเข้าของวัด.และเมื่อวันประสูติของพระพุทธเจ้านั้นห่างไปแค่อีกหนึ่งอาทิตย์,มีโคมไฟดอกบัวหลากสีห้อยอยู่รอบๆวัด Bulguksa.
อย่างวัดอื่นๆ,มีรูปปั้นของเทวบารทั้งสี่ที่ทางเข้าวัดแสดงถึงเทวดาทั้งสี่และฝุ่นที่จับหนาที่รูปปั้นแสดงให้เราเห็นว่ามีคนมาที่วัด Bulguksaมากขนาดไหน.
เสาธง( 3.6เมตร)นั้นตั้งอยู่ที่ทางด้านซ้ายของประตูวัดแสดงถึงเทวดาทั้งสี่,ซึ่งใช้สำหรับงานและพิธีกรรมที่วัด.เสาธงของวัด Bulguksaนั้นดูว่าเก่า,แต่รอยย่นและขนาดนั้นแตกต่างกัน,ดังนั้นพวกมันจึงถูกคาดว่ามาจากยุคที่ต่างกัน.
ที่ด้านหลังของเสาธงมีจุดที่เป็นที่นิยมในการถ่ายรูปหมู่.ทางหินเชื่อมกับJaamun. บันไดนั้นมีสองส่วน,ส่วนบนคือChungwoonkyo, และส่วนล่างเรียกว่าBaegungyo.พวกมันเป็นสมบัติแห่งชาติหมายเลข23.
วัดBulguksaนั้นเป็นวัดที่เป็นโลกของพระพุทธเจ้า.ภายใต้Chungwoonkyo และBaegungyo หมายถึงโลกของบุคคลธรรมดา,และด้านบนหมายถึงแผ่นดินของพระพุทธเจ้า.นั่นทำไมคนควรจะเดินผ่านที่Chungwoonkyo และBaegungyo และJaamun, เพื่อเข้าสู่ดินแดนของพระพุทธเจ้าในทางตอนเหนือ.
มันห้ามเข้า,เพื่อป้องกันสถานที่ทางวัฒนธรรม,แทนที่นั้นเราเดินไปตามทางตรงทางด้านขวาเพื่อไปยังส่วนของ Daeungjeon.แล้วเราก็เห็นหอหินใหญ่ๆ.
ใกล้กับหอ,เราได้ยินหลายๆคนพูดว่า“10 วอน~ 10 วอน”. เนื่องจากคนส่วนใหญ่รู้แล้ว,Dabotap(สมบัติแห่งชาติหมายเลข20),ส่วนหลักของ10 วอนนั้นแสดงให้เราเห็นถึงความยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเรา.
ตรงกลางของหอ,มีรูปสลักสิงโต,มันเคยมีสิงโตอยู่สี่ตัวในแต่ละด้าน.แต่สิงโตตัวอื่นๆได้หายไป,เหลือตัวสุดท้ายเพราะว่ามันไม่มีค่าอะไร,เพราะว่าตรงส่วนจมูกได้หักไป.ผมรู้สึกว่าเราต้องรักษามรดกทางวัฒนธรรมของเราให้ได้.
หอหิน Seokgatapอีกแห่งหนึ่ง(สมบัติแห่งชาติหมายเลข21) ซึ่งอยู่ถัดจากวัด Bulguksaนั้นน่าเสียดายที่กำลังอยู่ภายใต้การซ่อมแซม(จากปี 2011จนถึงเดือนธันวาคมปี2014),ดังนั้นจึงมีคนเฝ้าอยู่รอบๆ.
Dabotapนั้นมีความงามที่หรูหราและ Seokgatapยังถูกเรียกว่า Muyeongtapมีความงามที่เรียบง่าย,ความรู้สึกนั้นจะมีมากกว่านี้ถ้าเราได้เห็นมันด้วยกัน.ดังนั้นผมจึงค่อนข้างผิดหวังที่Seokgatap กำลังซ่อมแซมอยู่.
Musiljeonที่อยู่ด้านหลัง Daeungjeon(สมบัติแห่งชาติหมายเลข1744)ก็กำลังซ่อมแซมอยู่เช่นเดียวกัน.
เหมือนกับ Chungwoonkyo และ Baegungyoคามทางขึ้นไปสู่Daeungjeon, Geungnakjeonนั้นอยู่ทางซ้ายของ Daeungjeonและต้องขึ้นมาที่ Yeonhwagyoและ Chilbogyo(สมบัติแห่งชาติหมายเลข 22) เพื่อไปยังอาคาร.
วัดBulguksa Geungnakjeonนั้นเคยเป็นที่นิยมโดยเฉพาะเมื่อปี 2007,ปีหมูทอง.รูปปั้นสัมริดของ Amitabhaนั่ง(สมบัติแห่งชาติหมายเลข27),ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของพระพุทธรูปสัมริดของยุคสมัยSillaนั้นอยู่ในGeungnakjeon.
มันห้ามถ่ายรูปด้านใน,เราหาเรื่องสนุกได้อีกอย่างด้วยการหาหมูทองที่ซ่อนอยู่ด้านหลังป้าย Geungnakjeon.
ด้านหลัง Geungnakjeonคือ Nahanjeon,ที่ซึ่งผู้ติดตามพระพุทธเจ้านั้นอยู่.ทางด้านซ้ายของNahanjeon เป็นกองหินเล็กๆซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า Nahanjeon.
มีกองหินที่วางไว้เวลาผู้มาเยี่ยมชมมาและทำกองหินเพื่ออธิษฐาน.ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ,ผมก็ยังอธิษฐานเล็กน้อยและกองหินไว้.
เมื่อคุณเข้าไปยัง Birojeon, จะมีเจดีย์Sarira (สมบัติหมายเลข61)ซึ่งไปยังญี่ปุ่นเมื่อปี1905 และกลับมายังเกาหลีเมื่อปี1933, ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่ด้านหนึ่งโดยที่ไม่มีใครสนใจ.
และนั่นคือBirojeon,ที่ซึ่งพระพุทธเจ้าVairocana ,เป็นพระพุทธรูปที่สูงที่สุดและสร้างจากสัมริดในแบบนั่ง(สมบัติแห่งชาติหมายเลข 26), อีกหนึ่งพระพุทธรูปสัมริดในระหว่างยุคSilla ที่ได้ถูกรักษาไว้.
ด้านในสุดของวัดBulguksaคือ Gwaneumjeon,ที่ซึ่งAvalokiteśvara,นักบุญทางศาสนาพุทธที่ช่วยมนุษย์โลกเอาไว้.แต่Gwaneumjeon ก็อยู่ภายใต้การซ่อมแซมด้วย.
ระหว่างทางลงมาจากวัด Bulguksaมี Beomjonggakอยู่ทางด้านขวา,มันบอกเมื่อเวลาเช้ามาถึงวัด.
วัดBulguksa เป็นวัดที่บอกถึงคำอธิษฐานสามอย่างของดินแดนพระพุทธเจ้า.มีวัดหลักซึ่งเป็นโลกของความเจ็บปวดของพระศากยะมุณีตาม Sutraของดอกบัว,และ Geungnakjeonซึ่งเป็นดินแดนแห่งความสุขชองพระพุทธเจ้าอมิตาตามAmitagyeong. และGeungnakjeon,โลกของ Yeonhwajang ของพระพุทธเจ้า Vairocanaตามคัมภีร์Avatamsaka ที่อยู่ในวัด Bulguksa.
เพราะว่านั่น,วัดนั้นเปิดและสร้างใหม่บ่อยครั้งจากยุค Sillaจนถึงยุค Joseon.และเจ้าหญิงมากมายและกษัตริย์หลายองค์ได้เสนอการบูรณะให้กับวัดBulguksa.
หลังจากที่ดูรอบๆวัด Bulguksa,คำอธิษฐานของคนที่หวังถึงโลกของพระพุทธเจ้า,เรากลับลงมาทางประตูหลังที่มีข้อความว่า‘ภูเขาTohamวัด Bulguksa ’และไปยังลานจอดรถ.
เราพบนักบวชที่ใส่ชุดเหมือนพระทางพระพุทธศาสนากับผมขาวที่ลานจอดรถ.ลักษณะของเขาที่ยิ้มแล้วมองไปที่ภูเขาและห่อผ้าของเขาดูเหมือนว่ามีความหมายอะไร.วัดBulguksa นั้นมีอะไรให้เราเห็นมากมาย.....
เวลาในการเข้าชมวัด Bulguksaนั้นเปิดเวลา07:00~18:00 และค่าเข้าคือ 4,000วอนสำหรับผู้ใหญ่,ค่อนข้างแพงกว่าสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆนิดหน่อย.ที่มากกว่านั้น,ถ้ำSeokguram และวัด Bulguksaนั้นแยกส่วนกันและจะต้องเสียค่าเข้าอีกครั้ง.ผมคิดว่านี่เป็นนโยบายที่ผิด.และมีคิวทั่วไปหมดเนื่องจากมีการซ่อมแซมหลายส่วนเป็นการรบกวนนักท่องเที่ยวอย่างมาก,และข้อเท็จจริงที่ว่าเราไม่สามารถที่จะชม Seokgatapได้มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายในการมาเที่ยวที่วัด Bulguksaนี้.
ที่อยู่: Gyeongju, Gyeongsangbuk-do jinhyeondong 15 (경상북도 경주시 진현동 15)
โทรศัพท์: 054-746-9913
เวลาทำการ: 07:00 ถึง 18:00 โฮมเพจ: http://www.bulguksa.or.kr/
Yoo Soo Jung Ssambap 유수정 쌈밥
เมื่อคุณลงมาจากวัด Bulguksa,มีร้านอาหารอยู่ตามปั๊มน้ำมันทางด้านขวาของทางไปศูนย์การท่องเที่ยว Bomun.
เรามุ่งหน้าไปยังYoo Soo Jung Ssambap, ตรงด้านหลังของปั๊มน้ำมัน.โดยปกติร้าน Ssambap ในGyeongju จะรวมกันอยู่แถวๆDaereungwon, แต่เราเลือกที่จะลองกินที่ร้านอาหารใกล้กับวัดBulguksa.
ผ่านเคาท์เตอร์ไปและที่ด้านในเป็นสวนมีโต๊ะเหมือนกับ DJ BOX, กับแผ่นLP นับร้อย.ความรู้สึกเก่าๆนั้นดีแต่ก็ไม่ใช่ดีขนาดนั้น.......
ออร์แกนและหนังสือเรียนนั้นไม่ได้หาได้ง่ายๆในสมัยนี้.แต่สิ่งที่ตลกก็คือคือหนังสือนั้นที่วางไว้ตรงที่วางแผ่นเพลงนั้นเป็นธรรมชาติและหลักจริยธรรม,ไม่ใช่ดนตรี~~!
ตุ๊กตาที่กำลังใส่ชุดนักเรียนจากยุค7~80’ซึ่งทำให้คิดถึงวันเก่าๆและคิดได้ว่า Cheomseongdaeนั้นแสดงให้เห็นว่าเราอยู่ในGyeongju ที่ชื่นชมออร์แกน.
ตรงรั้วในสนาม,มีอ่างล้างหน้าที่มีบรรยากาศแบบลาติน.ตรงกลางของสวน,มีโตณะและบังกาโลรอบๆ.
ผมกังวลว่าถ้าเท้าผมเหม็น,เพราะว่าเดินมาทั้งวัน,แต่เมื่อเข้าไปที่บังกาโลที่อนุญาติให้ผมชาร์จแบตกล้องได้.วิ้ว,,,,,อย่างที่ผมคิด.....มันเผ็ด.
ผนังของบังกาโลนั้นตกแต่งไปด้วยลำไม้และเนื่องจากเป็นร้านอาหารที่ใกล้กับวัด Bulguksa,ภายในนั้นถูกทำให้เข้ากับความนิยมของชาวเกาหลี.
เนื่องจากชื่อของร้านนั้นคือSsambap,เมนูหลักก็คือSsambap. มีgridiron Bulgogi Ssambap และBulgogi Ssambap เนื้อแบบง่ายๆ,และถ้าคุณจ่ายเพิ่มอีก 4,000วอน,อาหารก็จะถูกเสริฟเป็นข้าวในหม้อร้อน.
มีเหล้าอย่างเช่นDongdongju และpajeon,เจลลี่จากข้าวโพดขายคู่กับชาและเครื่องดื่ม.แต่ราคานั้นไม่ได้ดูว่าจะถูกเท่าไหร่.
เราสั่ง Bulgogi Ssambapย่างสองที่ที่มีกลิ่นเหมือนไฟ,กับ Bulgogiเนื้อที่มีรสเผ็ดกว่าปกติ.และทุกอย่างก็มาเสริฟที่โต๊ะเราภายใน5นาทีขณะที่เรากำลังพัก,ดื่มน้ำเย็นๆ.
Bulgogi ที่มีกลิ่นเหมือนกับเขม่าไฟ.ไม่มีการตกแต่งที่พิเศษแต่รสชาติที่เผ็ดและไม่เลี่ยนนั้นดีทีเดียว.
มีผัก Ssamอยู่หลายชนิดประกอบไปด้วยผักกาดและพริกในตะกร้า.ไม่มีผักอะไรที่แปลกๆ,แต่มีอยู่หลายชนิด.ปริมาณนั้นเพียงพอ,ดังนั้นพวกเราจึงไม่ต้องขอเพิ่มในระหว่างที่กิน.
ผมเอาผักกาดและเนื้อและผักอื่นๆวางบนผัก Ssamสองแผ่นและเอามันเข้าปาก.เนื่องจากความหิวเป็นส่วนประกอบที่ดีที่สุด,ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้เอาอาหารเข้าปาก,ไม่สนใจรสชาติ.เมื่อคุณหิวมาก.Ssambap เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเอาเข้าปาก~!
สลัดเจลลี่,ที่ผักต่างๆถูกหั่นกับเจจลี่ที่ทำจากข้าวโพดและเครื่องปรุงอื่นๆ.รสชาติเปรี้ยวและหวานนั้นโอเคแต่มีแค่เจลลี่สองชิ้นในถ้วยใหญ่ๆ??และผมหวังว่ารูปร่างมันจะน่ากินกว่านี้....
เต้าหู้นิ่มGyeongju( ข้างทะเลสาบ bomun)ก็มีชื่อเสียงเหมือนกัน,ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีอะไรพิเศษ.ผมตัดสินใจที่จะไปทีหลังเมื่อผมมีเวลา,และเติมกระเพาะของผมด้วยเต้าหู้นิ่มนี้.
ผักที่ปรุงรสแต่ผมไม่รู้ชื่อมัน.มันมีรสขมๆหวานๆและรสชาติที่ครบเครื่องของซอสถั่วที่ผสมเข้าด้วยกัน,สร้างรสชาติที่ดี.
ปลาแมคคอเรลย่างมีในร้านอาหารอย่างน้ีตลอดเวลา,แต่มันยากที่จะหาปลาที่มีรสชาติแบบที่ผมชอบ,นอกจากมันจะเป็นร้านที่พิเศษ.รสชาตินั้นไม่แย่,แต่หนังนันแห้งไปหน่อยเพราะว่ามันไม่มีมันเหลือเลย.
โดยปกติอาหารที่อำเภอGyeongsang นั้นส่วนใหญ่เผ็ดและเค็ม,นอกเหนือจากรสชาติของเครื่องปรุงเอง,ดังนั้นร้านอาหารที่ Gyeongjuก็คงจะเรียกว่ายอดเยี่ยมไม่ได้.
แต่Ssambap มีรสชาติที่สดของผักและคงไว้ซึ่งรสชาติและกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ.และมันก็ทำให้เราอิ่มง่าย, Ssambapเป็นอาหารที่ยอดเยี่ยม.
เรากิน Ssambapกับน้ำเย็นๆสองขวดและนั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านหน้าของร้านกับกาแฟหวานๆในมือของเรา.
เราเช็คตารางเวลาของเราในขณะที่เรากำลังพักตอนบ่ายแก่ๆและเราก็ไปยังจุดต่อไป.
ที่อยู่: 193-6 madong Gyeongju, Gyeongsangbuk-do (경상북도 경주시 마동 193-6)
โทรศัพท์: 054-771-0786
เวลาทำการ: 09:00 ถึง 18:00 (19:00 วันธรรมดา) / เดือนมีนาคมถึงเดือนธันวาคมวันเสาร์ 21:00 โฮมเพจ: http://www.matket.kr/usoojung