สถานที่ที่ต้องไปในGyeongju!วิวยามค่ำคืนที่พระราชวังDonggung และWolji(Anapji)
มันมีสถานที่ให้ไปมากมายใน Gyeongjuแต่มันมีเพียงแค่สองถึงสามที่ที่จะเดินในตอนกลางคืนหลังจากเช็คอิน.ร้านส่วนใหญ่นั้นปิดตอนกลางคืนและเมืองทั้งเมืองก็มืดซึ่งถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่ที่จะเดินเพื่อเอนจอยด์วิวในตอนกลางคืน,ผมพนันว่าAnapji(พระราชวังDonggung และWolji)เป็นสถานที่ที่ดีที่สุด.
ที่นี่ตั้งอยู่ทางขวาของCheomseongdae(ศูนย์สังเกตุการณ์),และมันเคยเป็นหมู่บ้านราชวงศ์. Donggungเป็นที่ที่เจ้าชายเคยอาศัยอยู่ในสมัย Silla อยู่ที่นี่และWolji หมายถึงบ่อน้ำ,ที่กระทบแสงจันทร์.ซึ่งมันก็ยังเรียกว่าพระราชวังDonggung และ Wolji. หลังจากนั้น,การรวมตัวของ Sillaนั้นได้ถูกทำลายลงและพระราชวังนี้ได้ถูกทำลายในสมัย Koryeo และ Joseon.นักกวีที่รู้สึกเสียใจที่ได้เห็นสถานที่นี้ว่างเขียนกวีว่า" พระราชวัง Donggungที่งดงามนั้นหายไป และมีแค่ห่านและเป็ดป่า,"และหลังจากบทกวีนี้,สถานที่นี้เรียกว่าAnapji(雁鴨池) ซึ่งรวมกันระหว่างห่านป่า'Anan(雁)' กับเป็ด'Ap(鴨)'.
ผมหวังว่าฟ้านั้นใสกว่านี้เพื่อรูปที่สวยขึ้น.มันน่าเสียดายแต่ก็ไม่แย่นะผมคิดว่า.
เมื่อมันมืด,มันก็ยิ่งสวย.อย่างที่ผมบอกในตอนแรก,มันมีขอบตรงนี้ซึ่งทำให้คุณไม่สามารถเห็น่อน้ำได้ทั้งหมด.มันถูกสร้างขึ้นเพื่อทำให้มันดูใหญ่ขึ้นกว่าที่เป็นจริง.อีกอย่างหนึ่ง,ถ้าคุณดูตรงที่โค้งใกล้ๆ,มันสูงกว่าตรงส่วนที่ตรงถึงสองเท่าซึ่งคนสามารถรู้สึกเหมือนกำลังมองลงทะเล.นี่ทำให้บ่อน้ำเล็กๆดูใหญ่ขึ้น.
บางครั้งผมมาที่พระราชวัง Gyeongbokgungในตอนกลางคืนแต่ว่ามันเทียบกับที่นี่ไม่ได้เลย.มันช่างสวยงามมาก.
ผมไม่สามารถเห็นความแตกต่างแม้ว่าภาพมันจะกลับหัวเพราะว่าท้องฟ้านั้นมันมืดมาก.^^*
บอกตามตรง,มันดีที่ได้เดินจริงๆ.เทคนิคการก่อสร้างในยุคสมัยของสามเมืองนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างAnapji ในสมัยSilla.ทางน้ำเข้านั้นทำตามแบบบ่อน้ำในสวนในBaekje. แน่นอนสิ่งก่อสร้างจากยุคสมัยSilla.นี่เป็นที่ที่เดียวที่คุณสามารถเห็นได้ใน Gyeongjuเท่านั้น.อย่าลืมมาที่นี่.ผมแนะนำว่าคุณต้องมาที่นี่จริงๆ!
+ ที่อยู่ : 102, Wonhwa-ro, Gyeongju-si, Gyeongsangbuk-do
+ โทรศัพท์ : 054-772-4041
+ เวลาทำการ : 09:00 ~ 20:10 (ไม่มีวันหยุด)
+ ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ : 2,000 วอน, ผู้เยาวน์ : 1,200 วอน, เด็ก : 600 วอน.
+ ค่าที่จอดรถ : ฟรี
Hwangodong Eorimji Haejangguk กับ Naejang Tang แสนอร่อย
เมื่อมันมืดใน Gyeongju, มันมีไม่กี่ที่ให้ไปกินหรือเที่ยว.เมื่อ Anapjiปิดประมาณสี่ทุ่ม,ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็ปิดแล้วซึ่งมันยากที่จะหาอะไรกิน.และชาวบ้านที่ผ่านพวกเราไปEorimji Haejangguk ที่ทำ Haejang-guk ( ซุปแฮงค์โอเวอร์).ที่ไหนที่คุณไป,ชาวบ้านรู้ดีที่สุดว่าควรกินที่ไหน.ดังนั้นคุณแค่เชื่อที่พวกเขาบอก!ผมต้องลองไปดู.
มันประมาณสี่ทุ่มครึ่ง,ผมเดาว่ามันประมาณนั้น.มันดึกแล้วแต่ผมเห็นว่ามีลูกค้าค่อนข้างเยอะผู้ซึ่งน่าจะหากินที่ไหนได้เหมือนพวกเรา.
เช็คเมนูกัน.....กินอะไรดีน้า......เราสั่ง Naejang tang (ซุปเนื้อกับเครื่องใน) หนึ่งที่ที่ชาวบ้านบอกให้ผมลองและ Seonji Haejangguk( ซุปเลือดวัว ) หนึ่งที่.ราคานั้น 8,000วอนและ 7,000วอน,ตามลำดับ.
เครื่องเคียงนั้นเป็นพริกกับกิมจิ.คุณสามารถเอากิมจิจากหม้อเล็กๆบนโต๊ะ,และพริกเหล่านั้นคือพริกแดง Cheongyang,ซึ่งเผ็ดมาก.ระวังนะ!ผมกัดไปหนึ่งคำแล้วทำให้ผมสะอึกไปร้อยครั้ง.
อย่างแรก,Naejang tang ถูกเสริฟในชามใหย่ๆ.หน้าตามันทำให้ผมน้ำลายไหล.
สีของซุปนั้นที่น่ากินและเผ็ดทำให้ผมรู้สึกหิว.มันจะรสชาติเป็นยังไงนะ?
ในซุป,ผมเห็นชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องในหมู,โดยเฉพาะไส้.พวกนี้น่าจะเหนียวแต่ว่ามันกลับนุ่ม.ผมกินgukbap(ซุปข้าว) หลายครั้งในหลายๆภาคของเกาหลีแต่ไม่เคยเห็นแบบที่มีไส้อยู่.มันไม่เหนียวและมีกลิ่นน่ารังเกียจ.ผมไม่รู้ว่าพวกเขาใส่อะไรลงไปในซุปแต่มันรสชาติดีมาก.มันแปลกและเข้มข้น.ลองดูสิ!
นี่คือSeonji Haejangguk.แต่ผมสามารถเห็นบางอย่างในซุปที่ดูเหมือนgalbi(ซี่โครง).ใช่แล้ว. Seonji Haejanggukมี galbiอยู่.
รสชาติของซุปที่ใสและอร่อยต้มกับถั่วงอกมี galbiและ seonji ( เลือดวัว) ชิ้นใหญ่ๆที่ผมรักมันมากๆ.ผมสงสัยว่ามันจะรสชาติเป็นยังไง.
หลังจากที่ผมกิน galbiเสร็จ,ผมใส่ seonjiบนผักกาด,มันน่าตื่นเต้นมาก.รสชาติซุปเหมือนกับ Galbi tang ( ซุปซี่โครงเล็กๆ),ผมเดาว่ามันต้มกับเนื้อวัว.ถ้าคุณชอบรสชาติเรียบๆมากกว่าซุปข้นๆ,ผมว่าคุณควรที่จะลอง Seonji Haejanggukที่นี่.ซุปที่อ่อนและหอมหวลนั้นเป็นที่หนึ่งที่นี่.ผมเดาว่าสองจานที่เราสั่งมาที่ร้าน Eorimji Haejanggukนั้นประสบความสำเร็จ.ผมว่านี่เป็นร้านที่ต้องมากินที่Gyeongju.
+ ที่อยู่ : 224, Wonhwa-ro, Gyeongju-si, Gyeongsangbuk-do
+ โทรศัพท์ : 054-774-2214
+ เวลาทำการ: 24 ชั่วโมง
เรื่องราวของเจดีย์หินสามชั้นในวัด Gameunและสุสานหลวงของกษัตริย์Munmu
ในการที่จะดูโบราณสถานในGyeongju,มันจะน่าสนใจมากขึ้นถ้ารู้และศึกษาประวัติศาสตร์และเรื่องราวของมันมากกว่าแคมาดูเพราะสงสัย.ผมจะบอกคุณเกี่ยวกับวัดที่ผมเห็นว่ามันน่าสนใจและเกี่ยวกับสุสานหลวง.มันเป็นที่ที่คุณสามารถสัมผัสถึงความต้องการของกษัตริย์และความพยายามที่เขาต้องการที่จะปกป้องประเทศแม้แต่เขาได้ตายไปแล้ว.
กษัตริย์ผู้ที่รวมสามประเทศเข้าด้วยกันเป็นSilla นั้นคือกษัตริย์Munmu. ในสมัยใหม่,เขาได้รับฉายาว่าเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่สำหรับงานและความรักต่อประเทศชาติของเขา.หลังจากที่เขารวมประเทศเข้าด้วยกัน,เขาก็เริ่มที่จะสร้างวัดในYongdang-ri, Yangbukmyeon, Gyeongju-si(ที่อยู่ปัจจุบัน)เพื่อปกป้องมันจากญี่ปุ่นที่รุกรานและการก่อสร้างนั้นก็ยาวนานจนถึงปีที่สอง(ในปี 682)ของการครองราชย์ของลูกชายเขา,ยุคสมัยของกษัตริย์ Sinmunและลูกชายได้ตั้งชื่อวัดนี้เพื่อแสดงถึงความซาบซึ้งถึงพ่อ,Gameunsa(感恩寺).
กล่าวถึงความต้องการของกษัตริย์ที่ต้องการปกป้องประเทศราวกับมังกรหลังจากที่เขาได้ตายไปแล้ว,ลูกชายของเขาได้จัดงานศพบนหินที่มีชื่อว่า Daewangam(大王巖หินของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่)ตรงกลางทะเล,และหินนั้นเป็นสุสานหลวงของกษัตริย์ Munmuในทะเล.และมันมีช่องว่างใต้Geumdang(金堂; อาคารหลักของวัด)ใน Daeungjeon ของวัด Gameunsa เพื่อกษัตริย์,ที่กลายเป็นมังกรหลังจากที่ได้ตายไปแล้ว,เพื่อที่จะสามารถเข้าออกวัดได้.
มันไม่เป็นที่รู้จักเมื่อตอนที่ก่อตั้งGameunsa แต่ว่ามันมีเจดีย์หินสามชั้นสองแห่งในพื้นที่วัดระหว่างมัน.ชาว Sillaเคยมีความเชื่อที่ว่าศาสนาพุทธจะช่วยโลก.ตัวอย่างเช่น,พวกเขาสร้างวัด Sanchunwangsaใน Gyeongjuในช่วงสงครามกับTang,และสร้างวัดGameunsa เพื่อต่อต้านหน่วยรบญี่ปุ่น.
มีตราในศูนย์การท่องเที่ยวตรงด้านหน้าของเจดีย์หิน.ผมเดาว่ามันเป็นแสตมป์สำหรับทัวร์สถานที่ทางประวัติศาสตร์ใน Gyeongju.ผมน่าจะได้มันครบทั้งหมดถ้าผมรู้เร็วกว่านี้.คุณรู้มั้ยว่าผมชอบอะไรแบบนี้มากๆเลย!
ดังนั้นนี่เป็นอันเดียวที่ผมได้.
+ ที่อยุ่ : 55-1, Yongdang-ri, Yangbuk-myeon, Gyeongju-si, Gyeongsangbuk-do
+ โทรศัพท์ : 054-779-6109
+ ที่จะรถและค่าเข้า: ฟรี
เมื่อคุณขับรถมาประมาณ5นาทีจาก Gameunsa (วัด),คุณจะถึง Munmudaewangreung (สุส่นหลวงของกษัตริย์Munmu) ภายใต้ทะเลตะวันออก.นี่เป็นหลุมศพของใครเนี่ย?
ตอนนี้มันกลายเป็นสุสานที่เงียบเหงาและโดดเดี่ยวที่ซึ่งผู้ที่มาเยี่ยมนั้นคือนกนางนวล.ผมเอาขนมให้พวกมันและพวกมันก็วุ่นกันใหญ่.นกนางนวลที่นี่เหมือนนกพิราบในสวนเลย.
ขณะที่ผมเล่นกับเหล่านกนางนวล,ผมชอบวิวที่สวยงามของทะเล.
ถ้าคุณไปที่ Gyeongju,อย่าลืมเจดีย์หินสามชั้นที่วัด Gameunและสุสานหลวงของกษัตริย์ Munmuใกล้กับวัด.และอย่าลืมที่ผมพูดในวันนี้.ผมบอกว่าคุณควรจะไปที่นี่ในGyeongjuจริงๆ.
+ ที่อยู่ : 26, Bongri-gil, Yangbuk-myeon, Gyeongju-si, Gyeongsangbuk-do
+ โทรศัพท์ : 054-779-8743
หมู่บ้านกิจกรรมฝาผนังรอบๆท่าเรือ Eupcheon,Gyeongju ที่จะทำให้คุณอ่อนไหวเหมือนผู้หญิง
สองสามปีที่ผ่านมา,ทริปของผมที่ไปยัง Gyeongjuก็เพื่อที่จะเที่ยวชมโบราณสถานแต่วันนี้ผมกำลังจะทำอะไรหวานๆ.ที่นี่คือท่าเรือEupcheon ในEupcheon-ri, Yangnam-myeon, Gyeongju-si,Gyeongsangbuk-do, และมันมีหมู่บ้านจิตรกรรมฝาผนังที่อาจจะทำให้คุณกลายเป็นคนอ่อนไหวเหมือนผู้หญิง.จิตรกรรมฝาผนังของหมู่บ้านนี้ได้เข้าร่วมกับ'Eupcheon Port Gallery Mural Painting Contest',และนักเรียนศิลปะในโลกสามารถลองทำดู.อันที่ได้รางวัลจะมีการทำรอยไว้ข้างรูปและผู้ชนะส่วนใหญ่มาจากมหาวิทยาลัย Yeungnam.ผมเดาว่ามหาวิทยาลัย Yeungnamมีการสืบทอดทางศิลปะที่ดีในสาขานี้.ก็,ยังไงก็ตาม,เข้าไปข้างในทะเลกัน.
สวัสดี,ท่าเรือ Eupcheon~ส่วนนี้คือGyeongju Jusangjeolli ที่มีชื่อเสียง.สำหรับคนที่อยากจะเดินรอบๆJusangjeolli,มันน่าจะสบายกว่านี้ที่จะจอดรถในท่าเรือ Eupcheonและคุณสามารถแวะมาที่นี่ได้ด้วย.
มีป่าเล็กๆอยู่ด้านหลังท่าเรือและทะเลที่เงียบสงบด้านหน้า,ซึ่งเป็นปกติของเมืองแถบชายหาด.ภาพฝาผนังตรงกำแพงเตี้ยๆนั้นสวยจัง.
ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเลือกในการประกวดหรือเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าคุณภาพนั้นดีกว่าหมู่บ้านอื่นๆ.เล็กและสวยทำให้ผมสนุกกับการเดิน.
ภาพนี้ดูเหมือนว่าจะชนะรางวัล,ผมชอบความรู้สึก. ^^*
ภาพๆเดียวทำให้บ้านทั้งบ้านดูเปลี่ยนไป,ใช่มั้ยล่ะ?
ดูสิว่าประตูเหล็กน่าเกลียดๆกลายเป็นน่ารักตามภาพวาดเหล่านี้!
เราเข้าไปในตรอกกันมั้ย?
ผมว่าภาพฝาผนังนั้นดูยอดเยี่ยม,คิดเหมือนกันมั้ย?
นี่เป็นภาพของพัซเซิล!!
นี่เป็นจรเข้,ตัวAและอื่นๆ,คุณสามารถหาอะไรได้มั้ย?^^*
สีนั้นดูอบอุ่น,ดูยีราฟน่ารักๆที่ด้านซ้ายสิ.
เมืองสี่เหลี่ยมเก็บตูคอนเทนเนอร์กลายเป็นกระดาษวาดรูปสำหรับศิลปิน.ผมว่านี่เป็นห้องเย็นที่สวยที่สุดในหมู่บ้านตกปลาในเกาหลี,เห็นด้วยใช่มั้ย?
ภาพๆหนึ่งดึงดูดความสนใจด้วยข้อความเหมือนเด็กหญิง.” ฉันได้กลิ่นดอกไม้จากเธอ~♬” มันเป็นเพลงป๊อปแต่ฟังดูเพราะ,ใช่มั้ยล่ะ?
+ ที่อยู่ : 195-2, Eupcheon-ri, Yangnam-myeon, Gyeongju-si, Gyeongsangbuk-do
Gyeongju Jusangjeolli Padosori-gil(ถนนเสียงคลื่น)ที่ที่คุณสามารถเดินฟังเสียงคลื่น
ครั้งที่แล้วผมโชว์คุณหมู่บ้านจิตรกรรมฝาผนังในท่าเรือ Gyeongju Eupcheonและวันนี้ผมจะเดินดูรอบๆ Jusangjeolli Padosori-gil.ทั้งสองแห่งอยู่ในที่เดียวกันซึ่งคุณสามารถจอดรถที่ลานจอดรถฟรีและชมที่ละแห่ง.ทางเดิน Padosori-gil เริ่มจากท่าเรือEupcheon ไปยังท่าเรือ Haseo,ซึ่งมีความยาว1.7km,มันมี Jusangjeolliที่ไม่เหมือนใครและคุณไมาสามารถเห็นที่ไหนได้ในเกาหลี.มันสวยมากและมีคุณค่าที่จะรักษาที่ซึ่งเป็นอนุสรณ์แห่งชาติหมายเลข.536. เดินตรงนี้ตามหมู่บ้านจิตรกรรมฝาผนัง,คุณจะรักใครก็ตามที่เดินด้วย.ไปกันเถอะ.
เมื่อคุณจอดรถที่ลานจอดรถ,Padosori-gil จะเริ่มจากตรงนั้น.
คุณจะเห็นประภาคารสีแดงและประคารสีขาวทางไปสู่ท่าเรือ Eupcheon.คุณรู้มั้ยว่าสีเหล่านี้หมายถึงอะไร?ผมจะบอกคุณอีกครั้ง,สีแดงหมายถึงเมื่อเรือหันหน้าเข้าหาประภาคารจากทะเล,มันมีหินหรือสิ่งกีดขวางดังนั้นต้องอ้อมไปทางซ้าย,และสีขาวหมายถึงตรงข้ามกับสีแดง.เหมือนอย่างในรูป,ที่ตัดน้ำได้ถูกตั้งอยู่ทั้งสองข้างซึ่งเรือจะต้องเข้าไปตรงกลางเพื่อเข้าสู่ท่าเรือ.มีหลายคนที่ไม่รู้.คุณสามารถคุยอวดกับเพื่อนๆได้เลย. ^^*
ดังนั้น,เราไปเดินดูชายฝั่งตะวันออกสวยๆทางซ้ายของคุณกันมั้ย?
ผมควรจะขึ้นภูเขาไปทางขวาและผมเลือกทางเดินนี้เพื่อที่จะเดินตามทางลูกรัง.ถ้าคุณอยากที่จะปีนขึ้น,มันมีทางตรงกลางซึ่งคุณสามารถที่จะตามเส้นทางได้.
สิ่งแรกที่คุณจะพบคือสิ่งนี้ Chulleongdari(สะพานหิน).จริงๆแล้วหินเยอะมาก.ผมอยู่กับคนแปลกหน้าบนสะพานและลองที่แกว่งมัน,และคนแปลกหน้าก็แช่งผม.ก็..........
มันเป็นเส้นทางที่ยาว1.7km ดังนั้นไปกลับก็3.4km. คุณสามารถนั่งดูรอบๆและนานที่สุดน่าจะประมาณ2ชั่วโมงที่จะเดินตามทาง.
เดินนิดหน่อยและคุณจะเห็นสวนวิว.สิ่งแรกที่คุณจะเห็นที่นี่คือJusangjeolliรูปพัด.มันดูแปลกจริงๆ!
Jusangseolliรูปพัดนั้นเป็นความงามของ Padosori-gilและบางคนเรียกมันว่า "ดอกไม้แห่งชายฝั่งตะวันออก".มันดูแปลกมากๆ.ผมจำได้ว่าChoi Su-jong เคยเป็นคนที่เล่นเป็น Gim Chun-suในละครของ KBS
ชายฝั่งตะวันออกจากสวนวิว,มันสวยมากๆ.ด้วย BGMธรรมชาิจากมหาสมุทร,มันก็ยิ่งสวยมากขึ้น.
มันต่างจากเกาะเจจูนิดหน่อย.หินสีดำทำให้ผมนึกถึงเจจูแต่ว่าแต่กรวดก้อนเล็กๆดูเหมือนทะเลทางใต้.
นี่เป็นJusangjeolli กับต้นสน.รากของมันแผ่ขยายผ่านก้อนหินซึ่งแปลก.มันลึกลับที่ว่ามนุษย์ไม่สามารถทำแบบนี้ได้,เพียงแค่ธรรมชาติเท่านั้น.
ผมพักที่หินฟังเสียงคลื่น.คลื่นที่กระทบฝั่งฝังดูสดชื่นมากกว่าปกติ.
มันทำให้ผมรู้สึกสดชื่น~.
ที่สูงๆตรงด้านหน้าคือJusangjeolli.Jusangjeolli.อันอื่นๆนั้นตั้งอยู่ตรงที่ชายหาดแต่อันนี้มันไกลมากจนผมไม่สามารถที่จะเห็นได้.เหมือนกับชื่อของมัน,หินนั้นชี้ขึ้นฟ้า.
หลังจากนั้นเราเดินเพิ่มขึ้นและเห็นป้ายกับกำแพงดาราจักร.นี่มันคืออะไร?
นี่ไม่ใช่กำแพง,มันดูเหมือนชั้นหินของลูกรังที่ผสมกับดิน.ที่นี่เลยเป็นทะเล,ที่ผมได้ยินมา.ตอนนี้พื้นดินยกสูงขึ้นแต่ว่ามันเคยเป็นทะเลซึ่งแน่นอนชั้นตะกอนของลูกรังที่ทับถมมาเป็นเวลานาน
หลังจากที่เราได้เห็นชั้นหินลูกรัง,เราเห็นJusangjeolli วางอยู่.
จริงๆแล้ว,หินนั้นดูเหมือนใครบางคนวาง pepero ( ขนมเกาหลี) อยู่ตรงนั้น.มันน่ารักจนผมอยากที่จะหยิบมันขึ้น. ^^* มันดูเป็นศิลปะจากธรรมชาติที่หายาก.
จุดหมายสุดท้ายของเรา,Jusangjeolli, อยู่ตรงนั้นเมื่อคุณเข้ามาใกล้ HaseoHang. Jusangjeolliรูปพัดนั้นน่าตื่นตาตื่นใจแต่ผมว่าหินที่นอนอยู่นั้นน่าประทับใจกว่า.
ลาวานั้นไหลลงสู่ทะเล,หยุดชะงักจากพลังของคลื่นและกลายเป็นหิน.ผมเชื่อว่ามันไม่มีชายฝั่งไหนที่มีวิวที่แปลกแบบนี้.ถ้าคุณอยู่ในGyeongju, คุณน่าจะลองมา Jusangjeoli Padosori-gilและหมู่บ้านจิตรกรรมฝาผนังในท่าเรือ Eupcheon.มันเป็นเส้นทางสั้นๆซึ่งดีต่อการเดิน.ผมแนะนำว่าที่นี่นั้นุ้มค่าที่จะมา.ดังนั้นผมจะจบบทความของผมแล้วตอนนี้.ผมหวังว่าคำแนะนำเล็กๆน้อยๆของผมจะมีประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของคุณ.
+ ที่อยู่ : 14-3, Yangnam Hanggu-gil, Yangnam-myeon, Gyeongju-si, Gyeongsangbuk-do
คอมเมนท์สุดท้าย
ไปเที่ยวสองวันกับผมเป็นยังไงบ้าง?Gyeongju นั้นมีสุสานหลายแห่งช่วยให้ผู้คนมีที่พักอย่างสบาย.เมืองที่เคยเป็นเมืองหลวงในสมัย Sillaกว่า1,000 ปีซึ่งมันอยู่ในความสัมพันธ์ที่สามารถพูดได้ว่าเมืองทั้งเมืองเหมือนพิพิธภัณฑ์เก่าและรูปแบบไหนในการท่องเที่ยวของคุณก็ช่าง,คุณจะรู้สึกพอใจเพราะเมืองที่ราบลุ่มเล็กๆที่เหมาะแกการเดิน,ขี่จักรยานและขับรถ.คุณไม่สามารถหาเมืองที่มีการเชื่อมต่อการมีชีวิตและความตาย,อดีตและปัจจุบันได้ดีกว่าGyeongju.ผมหวังว่าคุณสามารถพบว่าบทความของผมนั้นมีประโยชน์ต่อทริปของคุณสู่Gyeongju.